ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.แจงงบบริหารสำนักงานคนละส่วนกับงบเหมาจ่ายรายหัว ข้องใจยังมีคนให้ข้อมูลเท็จเพื่อเสี้ยมให้ทะเลาะกัน ระบุบอร์ด สปสช.มีมติให้มีโบนัสเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน และต้องทำงานถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นหลักบริหารทรัพยากรบุคคลดึงคนมีความสามารถทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการประเมินด้านกองทุนดีเด่น และได้คะแนนสูงสุดจาก ก.พ.ร.

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ รอง ผอ.รพ.สุรินทร์ ได้ให้ข่าวพาดพิง สปสช.ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่า สปสช.ได้นำเอาเงินกองทุนใช้เพื่อบริการประชาชนไปใช้เป็นค่าตอบแทนตามภาระงาน (โบนัส) ทำให้ รพ.ต้องขาดทุน ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเท็จ สร้างความเสียหาย ทำให้ สปสช.ต้องขอความเป็นธรรมกับกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ทั้งนี้ สปสช.มีงบประมาณแยกเป็น 2 ส่วน คือ (1) งบบริหารสำนักงาน (2) งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเงินเดือนเจ้าหน้าที่ สปสช.ก็เหมือนเงินเดือนเจ้าหน้าที่องค์กรของรัฐทั่วไปอยู่ในงบบริหาร มิได้อยู่ในงบกองทุน (เหมาจ่ายรายหัว) และงบบริหารสำนักงานของ สปสช.แต่ละปีต้องผ่านการคำนวณรายละเอียดจากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์และความเห็นชอบจาก ครม.ก่อนเข้าสู่การบริหารงบประมาณโดยรัฐบาลเหมือนงบประมาณของกระทรวงอื่นๆ ซึ่งสัดส่วนงบบริหารสำนักงานต่องบกองทุนนั้นอยู่ที่ 0.88% ของงบกองทุนฯ ซึ่งงบบริหารเป็นงบที่ใช้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์การทำงานของ สปสช.เพื่อการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า เนื่องจาก สปสช.เป็นหน่วยงานของรัฐแบบใหม่ ที่ทำงานมุ่งเน้นนโยบายของรัฐด้านสังคมแบบใหม่ให้เกิดผล เจ้าหน้าที่นอกจากจะมีเงินเดือนแล้ว จะมีค่าตอบแทนพิเศษตามผลการปฏิบัติในแต่ละปี โดยไม่ได้รับเงินอื่นๆ เพิ่มอีก เช่น เงินประจำตำแหน่งหรือสวัสดิการรักษาพยาบาลสำหรับครอบครัวเหมือนที่ข้าราชการทั่วไปได้รับ

ในหลักการบริหารทรัพยากรบุคคลนั้น ส่วนสำคัญคือ การมีค่าตอบแทนที่เหมาะสมและสวัสดิการเพื่อจูงใจบุคคลที่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามาทำงาน การมีค่าตอบแทนพิเศษตามผลการดำเนินงานเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ปฏิบัติได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วน รวมถึงกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณด้วย เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้จึงได้กำหนดว่าหากสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษ ที่ผ่านมา สปสช.ผ่านการประเมินการทำงานและได้รับรางวัลด้านประสิทธิภาพการทำงานมากมาย เช่น ได้รับรางวัลด้านการบริหารกองทุนหมุนเวียนดีเด่น (ต่อเนื่อง 7 ปี) ผลการประเมินคะแนนสูงสุดจาก ก.พ.ร. เป็นต้น

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ในส่วนประเด็นเรื่องงบบริหารบุคคลที่เกิน 30% ของงบบริหารทั้งหมดนั้น สปสช.ขออนุญาตไปที่ ก.พ.ร.ทุกปีตามมติ ครม.แล้ว และมติบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 4 ม.ค.59 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามที่ สตง.ระบุ และมอบให้ สปสช.ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าวก่อน จึงจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษ

“การโยงเรื่อง รพ.ขาดทุนเข้ากับโบนัสเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว และเป็นการให้ข้อมูลเท็จเสี้ยมให้เกิดการทะเลาะกัน ทำให้สังคมเข้าใจผิด เช่นเดียวกับเงินสนับสนุนกิจกรรมภาครัฐขององค์การเภสัชกรรมที่กล่าวหาว่า สปสช.เอามาใช้จ่าย ก็ให้ข้อมูลเท็จแก่สังคมซ้ำแล้วซ้ำอีก เงินในส่วนนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของข้อบังคับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทั้งนี้ สปสช.ใช้เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยบริการตามมติบอร์ด สปสช.และตามข้อเสนอของ สตง. และขณะนี้เพื่อแก้ปัญหาการโจมตีให้ร้ายแบบไม่มีข้อมูลจริง จึงให้ อภ.นำกลับไปดูแลแทน” โฆษก สปสช.กล่าว

"สำหรับกรณีที่มีบุคคลให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะโดยมีเจตนาบิดเบือนทำให้ สปสช.เสียหาย สปสช.จะได้พิจารณาดำเนินการใช้สิทธิทางกฎหมายต่อไป" โฆษก สปสช.กล่าว