ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หมออนามัยนัดรวมพลัง 23 ส.ค.นี้ ขอคำชี้แจงปลัด สธ. ปมเอาตำแหน่งบรรจุนักวิชาการสาธารณสุข 627 อัตราไปปรับให้วิชาชีพอื่น 

นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย เปิดเผยว่า หลังจากที่เครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนได้ออกแถลงการณ์ขอให้ทบทวนมติ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนำเอาตำแหน่งของนักวิชาการสาธารณสุขในการบรรจุเป็นข้าราชการ 627 อัตรา ไปกำหนดเป็นตำแหน่งใหม่ให้แก่วิชาชีพอื่น ไปเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2559 ที่ผ่านมา เบื้องต้นในช่วงสัปดาห์หน้า จะขอรอดูท่าทีของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่าจะมีการชี้แจงเหตุผลในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งหากในสัปดาห์หน้ายังไม่มีการให้เหตุผลอะไรออกมา ทางเครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนอาจจะต้องรวมพลังไปขอพบกับปลัด สธ. หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพื่อขอทราบเหตุผลหรือชี้แจงรายละเอียดต่างๆ เบื้องต้นอาจเป็นวันที่ 23 ส.ค.2559 โดยรวมพลังทั้งในแง่ของจำนวนคนและการส่งตัวแทนเข้าไปพบผู้บริหารกระทรวง

"เราต้องการคำตอบที่แน่ชัด เพราะคนที่รอบรรจุมีเยอะมาก คนที่จบปริญญาตรี คนที่เติบโตมาจากเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนมีอีกมาก แต่กระทรวงกลับเอาอัตราบรรจุในส่วนของนักวิชาการสาธารณสุขไปปรับเป็นอัตราของวิชาชีพอื่นมันไม่ถูก มันมีผลกระทบกับคนที่รออยู่ทั้งประเทศ" นายธาดา กล่าว

ทั้งนี้ วันที่ 16 ส.ค. 2559 ที่ผ่านมา เครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน ซึ่งประกอบไปด้วยชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข สมาคมหมออนามัย และมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ออกแถลงการณ์ ขอให้ทบทวนมติ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข โดยมีเนื้อหาว่า มติ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 29 ก.ค. 2559 ที่ให้ปรับปรุงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขไปกำหนดเป็นตำแหน่งใหม่ 627 อัตรา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า สธ.จะเลือกปฏิบัติในการดูแลบางวิชาชีพ 

เครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน จะดำเนินการดังนี้ 1.ยื่นหนังสือต่อ สธ.ให้ดำเนินการให้ผู้มีรายชื่อสอบวัดความเหมาะสมกับตำแหน่ง ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทุกคน

2.ให้ สธ.กำหนดตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุข ทั้งในโรงพยาบาล หรือ รพ.สต. ไปกำหนดตำแหน่งใหม่ไว้ก่อน จนกว่าการบรรจุรอบนี้จะแล้วเสร็จ

3.ให้ สธ.กันตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุข และตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขที่ ก.พ.อนุมัติ สำหรับตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขและตำแหน่งเจ้าหนักงานสาธารณสุขเท่านั้น

4.ให้ สธ.ทำหนังสือตอบข้อสงสัยดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่ชักช้า

และ 5.เครือข่ายวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมแสดงจุดยืนตามความเหมาะสมต่อไป