ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อดีตพยาบาล รพ.แม่สอดประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่จนพิการเป็นอัมพาต เผยรักษาตัวมา 5 ปี ใช้ชีวิตใน รพ.มาตลอด กำลังใจดีเยี่ยม ภูมิใจได้ช่วยงานราชการอยู่ 

จากเหตุการณ์ รถตู้ฉุกเฉินโรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ประสบอุบัติเหตุ เมื่อปี 2555 โดยรถได้พุ่งตกร่องน้ำพลิกคว่ำบนถนนพหลโยธินสายลำปาง-ตาก ขาขึ้น บ้านสบแก่ง ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง เป็นเหตุให้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.พัชรี อุดมา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลแม่สอด ที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุถึงขั้นพิการ 

น.ส.พัชรี กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นและระบบการดูแลรักษาว่า ในวันเกิดเหตุได้นำส่งผู้ป่วยเดินทางไปรักษาตัวตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ขากลับเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางตรงขึ้นเนิน รถเกิดเสียหลักตกขอบถนน พุ่งตกข้างทางและเฉี่ยวชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ทำให้รถตู้ฉุกเฉินพลิกคว่ำ ทำให้ผู้ที่อยู่ภายในรถบาดเจ็บทั้งหมด 

น.ส.พัชรี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงเช้ามืด ตนนั่งแถวด้านหน้าคนขับพร้อมกับพยาบาลอีกคน และคนขับอีกหนึ่งคน ขณะที่สะลึมสะลือเพราะความเหนื่อยล้า ก็ได้ยินเสียงรถตู้เสียหลักจึงได้สติและพบว่ารถตู้กำลังเหวี่ยงไปมากระทั่งกระแทกกับเสาไฟฟ้าและพลิกคว่ำหลายตลบ ซึ่งจากนั้นตนก็จำความอะไรไม่ได้ 

“มารู้สึกตัวอีกทีขณะที่มีเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยเข้ามาช่วยหลือ และรู้สึกตัวว่าไม่สามารถพยุงตัวเองขึ้นได้ และสงสัยว่ากระดูกมือจะหักหรือเปล่า แต่จากนั้นทีมกู้ชีพได้นำตัวคนเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลลำปาง” 

น.ส.พัชรี กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการตรวจสภาพร่างกายพบว่ากระดูกต้นคอซี่ที่ 4 และ 5 หัก และที่น่าตกใจคือความดันชีพจรตกลงอย่างน่าใจหาย โดยมีความดันอยู่ที่ 50/30 ซึ่งถือว่าน้อยอย่างมากและเป็นอันตราย แพทย์และพยายามจึงช่วยให้ความดันกลับมาเป็นปกติก่อน และจากนั้นจึงได้ติดต่อมายังต้นสังกัด คือโรงพยาบาลแม่สอดว่ารถตู้ประสบอุบัติเหตุ 

กระทั่งได้รับการผ่าตัดและพักฟื้นอยู่ภายในห้องไอซียูนาน 7 วัน และได้ย้ายไปอยู่แผนกศัลยกรรมอีก 7 วัน รวมแล้ว 14 วันที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง และพยาบาลได้ถามว่าจะกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่หรือไม่ เพราะมีศูนย์กายภาพที่ครบถ้วน ขณะเดียวกันแพทย์ที่รักษาเองก็ยอมรับกับตนว่าขณะนี้ไม่สามารถใช้ร่างกายได้ จะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต เพราะกระดูกต้นคอมีปัญหาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ และมีโอกาสหายเพียงแค่ 1% เท่านั้น 

“หมอก็มาบอกเราว่าเป็นอัมพาต ก็รู้สึกตกใจ จึงตัดสินใจขอหมอไปส่งที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตากแทน เพราะยังมีพ่อและเพื่อนๆ พยาบาลคอยช่วยเหลือ และจากวันที่เกิดเหตุถึงขณะนี้ก็ใช้ชีวิตภายในโรงพยาบาลมาโดยตลอดเป็นเวลารวม 5 ปีแล้ว โดยแต่ละวันจะทำกายภาพบำบัด พยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องเป็นภาระครอบครัว โดยขณะนี้ก็สามารถทรงตัวนั่งได้เอง ทานข้าวได้เอง และทำกิจธุระส่วนตัวได้ แต่ต้องมีคนช่วยเหลือบ้างเท่านั้น ซึ่งก็ได้กำลังใจดี” น.ส.พัชรี กล่าว 

น.ส.พัชรี กล่าวอีกว่า หลังประสบอุบัติเหตุก็ได้เงินช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.รถยนต์ทางบก และโรงพยาบาลต้นสังกัดช่วยหลือสมทบอีกรวมเป็นเงิน 5.6 แสนบาท และยังมีเงินช่วยเหลือของทางโรงพยาบาลต้นสังกัดที่จะให้เป็นประจำทุกปีๆ ละ 4 หมื่นบาท ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ยังคงให้รับราชการอยู่ต่อไป โดยทำหน้าที่ให้คำแนะนำคนไข้ต่างๆ แทนงานพยาบาลวิชาชีพที่เคยทำอยู่เดิม ก็ทำให้ตนเองมีคุณค่า และยังเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอยู่ แม้ร่างกายจะเจ็บป่วยมาอย่างหนักก็ตาม 

“แต่ยังมีผลพวงทางร่างกายอยู่ เนื่องจากล่าสุดกระดูกขาหลุดออกจากกันทั้งสองข้าง ทำให้ไม่สามารถลงน้ำหนักได้อีกเลย จากเดิมที่ตั้งความหวังว่าจะกายภาพเพื่อให้ยืนได้อีกครั้งก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่กำลังใจยังคงดีอยู่ แม้จะท้อแท้บ้าง แต่ก็ต้องสู้ต่อไป” น.ส.พัชรี กล่าว 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

จี้ สธ.เพิ่มอายุราชการทวีคูณให้พยาบาลที่ทุพพลภาพจากการทำงาน

“หมออิทธพร” หนุนจัดระบบเยียวยาบุคลากร กรณีรถฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุ 

จี้รัฐจัดระบบช่วยเหลือพยาบาลพิการจากงาน ชี้แรงงานข้ามชาติยังได้สิทธิมากกว่า

สำนักการพยาบาลชงเรื่องตั้งกองทุนเยียวยาช่วยพยาบาลเสียชีวิต/พิการขณะปฏิบัติหน้าที่

เล็งตั้งกองทุนเยียวยาพยาบาลพิการ/เสียชีวิต ย้ำแค่ช่วยเบื้องต้น สธ.ต้องดูแลระยะยาว