ชี้ สธ.-คลัง-ยุติธรรม ยกร่าง พ.ร.บ.สสส.ใหม่ เพื่อใช้จ่ายเงินตามวัตถุประสงค์

กระทรวงสาธารณสุข เผยยกร่าง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ฉบับที่.....) พ.ศ.  ...  ของ 3 กระทรวงหลัก เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์สู่ชุมชนและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และมีความยั่งยืน อาจจะมีการปรับปรุงแก้ไขในบางประเด็นให้เป็นปัจจุบันหลังจากผ่านการทำประชาพิจารณ์ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี

นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ

นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 และยกร่างพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ฉบับที่.....) พ.ศ...... ขณะนี้ได้ดำเนินการมาถึงขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายฉบับดังกล่าวแล้ว โดยหลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะได้นำความเห็นที่ได้จากการประชุมประชาพิจารณ์พระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ฉบับที่...) พ.ศ... เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2560 และวันที่ 3 เมษายน 2560 มาดำเนินการพิจารณาวิเคราะห์สรุปความเห็นซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการปรับปรุงกฎหมายที่ได้ร่างมาแล้วเพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นประชาพิจารณ์และหลักนิติธรรม

ทั้งนี้ มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อปกป้องคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลจากการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเป็นหลัก โดยอาจปรับปรุงเป็นร่างกฎหมายฉบับที่แก้ไขแล้วภายหลังจากการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งในเบื้องต้นจะต้องมีการพิจารณาวิเคราะห์ผลกระทบร่วมกัน ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพต่อไป

นอกจากนี้ ตามหลักการทางกฎหมายแล้ว ก่อนที่จะมีการตรากฎหมายจำเป็นจะต้องมีการจัดทำประชาพิจารณ์ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับร่างกฎหมายฉบับทำประชาพิจารณ์มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 และมีการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชาพิจารณ์เรื่อยมา เช่น การเชิญผู้ทรงคุณวุฒิของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพมาให้ความเห็น 2 ครั้ง การจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีความเป็นกลางเพื่อจัดทำประชาพิจารณ์ เป็นต้น จนกระทั่งมีการจัดประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว ซึ่งได้เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วม และแสดงความคิดเห็นอย่างโปร่งใส จากนั้นจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป