ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รพ.ชลบุรีจัดระบบป้องกันความเสี่ยง 2P Safety เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาล หรือ “คนไข้-หมอ ปลอดภัย ลดเหตุเจ็บ ตาย ระหว่างรักษา”

นพ.ภานุวงส์ แสนสำราญใจ

นพ.ภานุวงส์ แสนสำราญใจ หัวหน้ากลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลชลบุรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่บุคลากรทางการแพทย์ถูกผู้ป่วยทำร้ายในหลาย ๆ โรงพยาบาล จนบาดเจ็บและเสียชีวิต ทำให้ทางกลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและทางผู้บริหารหาแนวทางป้องกันในการไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น ภายใต้หลักการ 2P Safety โดย P ตัวแรกคือ Patient หมายถึง ผู้ป่วย ทำอย่างไรให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว ทันเวลา และปลอดภัย ขณะที่ P ตัวที่สอง คือ Personal บุคลากรในโรงพยาบาลเองก็รู้สึกปลอดภัยในขณะทำการรักษา และปฏิบัติงานด้วยความเต็มใจ เริ่มจากให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง จัดทำประตูเซ็นเซอร์และไม้กั้นอัตโนมัติ และมีเครื่องสแกนโลหะและอาวุธที่หน้าห้องฉุกเฉินขึ้น

นพ.คุณากร วงศ์ทิมารัตน์

นพ.คุณากร วงศ์ทิมารัตน์ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลชลบุรี กล่าวว่า ห้องฉุกเฉิน คือส่วนที่มีโอกาสเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ทางการแพทย์มากที่สุด เนื่องจากต้องรองรับทั้งผู้ป่วยวิกฤติในเวลาปกติและผู้ป่วยหลังเวลาราชการ จึงมักเกิดภาวะห้องฉุกเฉินล้นเกิน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร และสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ป่วยที่รอรับรักษานานจนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกัน

แนวทางแก้ไขที่โรงพยาบาลนำมาใช้ เริ่มจากการจัดทำระบบคัดแยกผู้ป่วย โดยอ้างอิง ตาม ESI (Emergency Severity Index) และปรับเป็น CSI (Chonburi Severity Index) โดยจะใช้แนวทางเดียวกันทั้งโรงพยาบาล แบ่งผู้ป่วยตามระดับความเร่งด่วนเป็น 5 กลุ่ม

1.ฉุกเฉินวิกฤติ

2.ฉุกเฉินเร่งด่วน

3.ฉุกเฉินมาก

4.ฉุกเฉินไม่เร่งด่วน

5.ไม่ฉุกเฉิน

และในเวลานอกราชการ โรงพยาบาลได้เปิดห้องตรวจโรคทั่วไปแยกออกจากบริการห้องฉุกเฉินถึงเที่ยงคืนทุกวัน เนื่องจากบริบทของคนชลบุรี ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมบางครั้งต้องรอเลิกงานค่ำจึงจะสามารถมาพบแพทย์ได้ และเพื่อให้ผู้ป่วยที่มาห้องฉุกเฉินเป็นกลุ่มที่ฉุกเฉินจริง เพื่อที่ทีมแพทย์และบุคลากรจะได้มีเวลาในการดูแลผู้ป่วยได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ

นพ.คุณากร กล่าวต่อว่า โรงพยาบาลชลบุรียังได้กำหนด Patient Safety Goal เป็นนโยบายความปลอดภัยของโรงพยาบาล โดยอ้างอิงจาก SIMPLE ของ สรพ. ซึ่งบุคลากรใหม่ทุกคนจะต้องได้รับการปฐมนิเทศเรื่องดังกล่าว โรงพยาบาลได้กำหนดนโยบายความปลอดภัยในด้านต่างๆ รวมถึงติดตามการปฏิบัติของบุคลากร ตลอดจนการแก้ไขจากรายงานอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งห้องฉุกเฉินมีการนำ SIMPLE มาใช้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่น S มาจาก safe surgery เรามีการทำ Sticker Time out นอกห้องผ่าตัดสำหรับหัตถการที่ invasive เช่นการใส่ท่อระบายลมในช่องเยื่อหุ้มปอดเป็นต้น

ขณะที่ห้องฉุกเฉิน จะใช้หลัก E - emergency response คือมีระบบ Fast track ในกลุ่มโรคสำคัญ ที่เป็นปัญหาของจังหวัดและประเทศ ได้แก่ STEMI Stroke Head injury Sepsis และ Trauma โดยมีการร่วมดำเนินการเป็นเครือข่ายทั้งจังหวัดร่วมกับสหสาขาในโรงพยาบาลด้วย

“ผลที่เกิดขึ้นคือ เมื่อผู้ป่วยที่ไม่เร่งด่วนถูกคัดแยกไปยังห้องตรวจโรคทั่วไป และห้องตรวจนอกเวลา ทำให้ห้องฉุกเฉินสามารถดูแลผู้ป่วยกลุ่มฉุกเฉินได้ดีเต็มประสิทธิภาพ สามารถให้การดูแผลผู้ป่วยกลุ่ม Fast track ซึ่งต้องแข่งกับเวลาที่มีจำกัด ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างทันท่วงที” นพ.คุณากร กล่าว

นพ.ชุติเดช ตาบ-องครักษ์

นพ.ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี กล่าวว่า โรงพยาบาลชลบุรี เป็นโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรองกระบวนการคุณภาพมาตรฐาน HA ตั้งแต่ ปี 2550 จนถึงปัจจุบันได้รับการต่ออายุการรับรอง (Re-Accreditation) เป็นครั้งที่ 3 จากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) และยังเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Joint Commission International (JCI) ซึ่งการรับรองโรงพยาบาลจะต้องมีการให้บริการที่มุ่งเน้นคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วยและผู้รับบริการเป็นสำคัญ

พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ

ด้าน พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ รองผู้อำนวยการ สรพ. กล่าวว่า การจัดการเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขนับเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ สรพ. เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพที่ดีและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และที่สำคัญบุคลากรสาธารณสุขมีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางสาธารณสุขขึ้น โดยสรพ.มีบทบาทในการดำเนินการร่วมกับ 15 องค์กรหลัก ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบบริการสุขภาพ เพื่อจะขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวร่วมกัน รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายโดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และมีการวางทิศทางและระยะเวลาในการขับเคลื่อน มีการยกร่างแผนยุทธศาสตร์ความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข (Patient and Personnel Safety: 2P Safety) ที่ให้ความสำคัญ มุ่งเน้นในการวางระบบเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และมีการกำหนดเป็นเป้าหมายความปลอดภัย สื่อสารในโรงพยาบาล ควบคู่กับการพัฒนาและรับรองคุณภาพ ด้วยคำที่หลายคนรู้จักคือ SIMPLE ขึ้นเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย

พญ.ปิยวรรณ กล่าวต่อว่า วันที่ 17 กันยายนนี้ เป็นวัน Global Day of Patient Safety และเป็นวันที่สำคัญของไทยด้วยคือวัน Thailand Patient and Personnel Safety เป็นวันที่บุคลากรทางสาธารณสุข คนไข้ญาติ และประชาชนทั่วไป ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางสาธารณสุข เพราะทุกคนมีส่วนร่วม โดยจะมีการจัดงานขึ้นในวันนี้ และจะมีการประกาศยุทธศาสตร์ 2P Safety และ National Patient and Personnel Safety Goals รวมถึงการนำเสนอและเชิญชวนโรงพยาบาลเข้าร่วม National Reporting and Learning System ซึ่งจะเป็นระบบแห่งการเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจกับคนไข้และประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพที่ดีและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และที่สำคัญบุคลากรสาธารณสุขมีความมั่นใจในการปฏิบัติงานด้วย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลใดสนใจสามารถสมัครเข้าร่วมครั้งนี้ได้ที่ https://goo.gl/aiTtWV หรือจะชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศงาน ณ อิมแพคเมืองทองธานี ได้ ที่ Facebook/HA Thailand และ www.ha.or.th/Live

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง