ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สสส.จับมือเครือข่าย ตอกย้ำค่านิยมปีใหม่ไม่ให้เหล้า ชูแนวคิด “ของขวัญดีๆ ไม่มีเหล้า” ปลื้ม คนไทยได้เหล้าเป็นของขวัญลดลง จากเดิม ร้อยละ 21 ชี้สถิติอุบัติเหตุช่วงข้ามปี 2560 เหล้าเป็นตัวการร่วม ร้อยละ 35 แนะ เลือกสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและปัญญา อาทิ หนังสือ อุปกรณ์ออกกำลังกาย อาหารปลอดสารพิษ สินค้าชุมชน

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และภาคเครือข่าย กว่า 100 คน จัดกิจกรรมรณรงค์ปีใหม่ไม่ให้เหล้า ชูแนวคิด “ของขวัญดีๆไม่มีเหล้า” โดยขบวนพลังมด (เด็กเล็ก) รวมพลังชวนพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ไม่ให้ ไม่รับ ของขวัญที่มีเหล้า และการแสดงต่างๆ อาทิ แรพสดเพลงของขวัญดีๆไม่มีเหล้า กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ 4 Concept ของขวัญดีๆ ไม่มีเหล้า และบูธกิจกรรม เล่นเกม มอบของที่ระลึก

เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า สคล.ไม่สนับสนุนการให้เหล้าหรือเครื่องดื่มมึนเมาเป็นของขวัญ และการจัดกิจกรรมรณรงค์ครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สู่การสร้างสิ่งดีๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ทุกคนต่างหาของขวัญมอบให้แก่กัน โดยกิจกรรมครั้งนี้เน้นสื่อสาร 4 คอนเซปที่เป็นทางเลือก ได้แก่ 1.การให้หนังสือ คือ การให้ปัญญา ซึ่งหนังสือจะช่วยให้สัมพันธภาพในครอบครัวกลับคืนมา เพราะผลกระทบจะไม่มากเท่าโซเชียลมีเดีย 2.สินค้าที่สนับสนุนการออกกำลังกาย เช่น อุปกรกีฬา เสื้อผ้ารองเท้า ซึ่งเป็นเทรนสุขภาพ 3.สินค้าที่เป็นพืชผักปลอดสารพิษ ปลอดสารเคมี และ4.สินค้าโอท็อป สินค้าชุมชนท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนรายได้ให้ท้องถิ่น หวังว่าทั้ง 4 คอนเซปนี้ จะเป็นตัวเลือกที่ดีในการให้อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เหล้า ขณะเดียวกัน กิจกรรมครั้งนี้ทางภาคีเครือข่าย ยังได้เชิญชวนเด็กๆวัยใส มาเป็นพลังมด เพื่อเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองลดละเลิกเหล้า เป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูก และพลังมดเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ให้เหล้า ไม่รับเหล้าเป็นของขวัญด้วย

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลก จากอุบัติภัยบนท้องถนน เนื่องด้วยเหตุเมาแล้วขับ จากสถิติช่วงเทศกาล มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน มากกว่าช่วงปกติถึง 2.5 เท่า หรือเฉลี่ย87รายต่อวัน โดยเฉพาะในช่วงวันที่เฉลิมฉลอง ระหว่างวันที่ 30-31 ธ.ค.60 การดื่มเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึงร้อยละ 35 นอกจากนี้ข้อมูล WHO ยืนยันว่า เหล้าเป็นสาเหตุของโรคมากกว่า 200 ชนิด รวมถึง ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ

“ที่ผ่านมา สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่ายฯ จัดกิจกรรมรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 และประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แนวโน้มผู้ที่ให้เหล้าเป็นของขวัญลดลงทุกปี ซึ่งในยุคนี้ ไม่มีใครให้เหล้ากันแล้ว โดยจะพบว่า ผู้ที่เคยได้รับของขวัญเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ30.5 เมื่อรณรงค์ “ให้เหล้า = แช่ง” พบว่าปี2560 ผู้ที่เคยได้รับของขวัญเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดลงเหลือเพียงร้อยละ9 และหวังว่ากิจกรรมนี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไม่ให้เหล้าเป็นของขวัญ ทั้งนี้การจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญสำเร็จรูปที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 30 (5) เข้าข่ายบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว

ขณะที่ นางสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การให้หนังสือคือการให้อาหารสมองแก่คนที่คุณรักและคือการส่งความปารถนาดีอย่างแท้จริง ยิ่งในยุคที่ผู้คนอยู่ในโลกสังคมออนไลน์ ติดกับโซเชียลมีเดีย ใช้เวลาเกือบทั้งหมดกับหน้าจอสมาร์ทโฟนทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว จนแทบไม่เหลือที่ว่างให้กับการอ่านจากหนังสือกันเลย เราจึงเห็นภาวะความเครียดในสังคมมีมากขึ้นอารมณ์ที่ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดของผู้คนรุนแรงขึ้น ความรุนแรงในครอบครัว ในที่ทำงาน ในสถานศึกษา ในชุมชนก็พร้อมที่จะแสดงตัวออกมาในทุกเงื่อนเวลา แต่ในอีกด้านหนึ่งเราจะพบว่าการให้เวลากับการอ่านหนังสือดีๆซักเล่ม กลับสร้างคุณค่ามากมายให้กับชีวิต หนังสือช่วยให้เกิดจินตนาการมากมาย ช่วยให้เกิดความรู้ที่ผ่อนคลาย เกิดการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่ถูกกระตุ้น รุกเร้าหรือตีกรอบมากเหมือนสื่อออนไลน์ หลายคนที่นอนไม่หลับก็ใช้วิธีการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายขึ้น

“การให้ของขวัญด้วยหนังสือจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ และแน่นอนที่สุดเป็นการให้ที่ไม่สร้างผลกระทบให้กับใคร ไม่ต้องมีใครมาเดือดร้อนต่างจากกระเช้าของขวัญที่มีเหล้าแน่นนอน ที่สำคัญปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดให้การซื้อหนังสือสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ดี จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน” นางสุชาดา กล่าว