ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“สุดารัตน์” ประกาศสร้างสุขภาพดีถ้วนหน้า เดินหน้าสู่ All for Health ตอกคนกำกับนโยบายแต่ละยุคไม่เข้าใจหลักการระบบหลักประกันฯ ส่งผลให้เกิดความผิดเพี้ยน-บิดเบี้ยว ยืนยัน 30 บาทยุคใหม่ต้องทำให้คนเป็นศูนย์กลาง ใช้เทคโนโลยีหนุนเสริมการทำงาน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในเวทีเสวนามองไปข้างหน้า “พรรคการเมือง กับการสร้างหลักประกันสุขภาพเพื่อคนไทยทุกคน” ซึ่งอยู่ภายใต้งานรำลึก 11 ปี นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิมิตรภาพบำบัด เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2562 ตอนหนึ่งว่า เรื่องระบบหลักประกันสุขภาพนั้น แม้ว่าจะมีคนพูดกันว่าเป็นเรื่องของประชานิยมหรืออะไรก็ตาม หากแต่เรื่องนี้คือหลักวิชาการซึ่งเป็นหลักการที่ทั่วโลกยอมรับและให้การยกย่องว่าช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม โดยหลักใหญ่ที่ต้องการทำให้เกิดขึ้นคือต้องการทำให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทัดเทียมและทั่วถึง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ความทัดเทียมและทั่วถึงนั้นยังเป็นหลักการสำคัญที่ พท.ยึด และเป็นหลักการที่จะทำให้ประเทศเดินข้ามพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าทำให้จำนวนตัวเลขของครอบครัวที่ต้องล้มละลายจากการรักษาพยาบาล และหนี้สินจากการรักษาพยาบาลลดลงเป็นอย่างมาก ประชาชนมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ต่อช่วงอายุคนได้มากขึ้นอีกด้วย

“ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยเดินทางมาอย่างยาวนาน ถามว่าถึงเวลาที่จะปรับเปลี่ยนแล้วหรือไม่ อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น เราเริ่มต้นที่ Health for all แต่คุณหมอทุกท่านก็ทราบดีว่าเราจะต้องเดินไปสู่ All for Health คือต้องเดินไปสู่การสร้างสุขภาพดีถ้วนหน้า” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเมื่อผู้กำกับนโยบายถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็เกิดความเพี้ยนในนโยบายและความเพี้ยนในความเข้าใจ ประกอบกับการแก้ไขปัญหาหน้างานและหลงอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างานจนลืมหลักการสำคัญไป ส่วนตัวคิดว่าทุกวันนี้โลกเปลี่ยน เทคโนโลยีจะช่วยเราได้

“ในอดีตเราเริ่มต้นที่งบประมาณ 1,200 บาท ตอนนี้ตัวเลขเกือบ 3,500 บาทแล้ว หรือในอดีตเราเริ่มต้นโดยมีแพทย์อยู่เพียง 1.7 หมื่นคน ขณะนี้มีถึง 3.6 หมื่นคน มีเทคโนโลยีเปลี่ยนมากขึ้น มีงบประมาณมากขึ้น แต่ว่าผู้ให้บริการก็ยังไม่ได้รับความสุขเพราะเงินไม่พอ ผู้รับบริการไม่มีความสุขเพราะคิวยาว ทั้งหมดนี้ต้องมีการปรับ พิจารณา และเพิ่มประสิทธิภาพ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อไปว่า ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้เงินที่ใส่ลงไปไม่สามารถเพิ่มประสิทธิผลได้ ส่งผลให้คนเป็นโรคมากขึ้น อัตราการป่วยมากยิ่งขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพราะบุคลากรด้านสาธารณสุขหย่อนยาน หรือภาคประชาสังคมอ่อนแอ แต่เป็นเพราะระบบยังจูนไม่ตรงกัน

“เรามองกันว่าผู้ป่วยมากขึ้นเราก็ไปเพิ่มสิทธิมากขึ้นแล้วกัน หรือโรงพยาบาลเป็นหนี้มากขึ้นเราก็ให้ประชาชนร่วมจ่ายแล้วกัน ผลลัพธ์การรักษาไม่ดีก็วิ่งหาอุปกรณ์เพิ่ม อันนี้คือคนที่มาทำหรือคนที่กำกับนโยบายแต่ละยุคสมัยไม่ได้รู้หลักการของโครงการจริงๆ จึงเกิดการบิดเบี้ยวหรือผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ คนทำงานหรือผู้ปฏิบัติก็มีความลำบากใจ ดังนั้นวันนี้จำเป็นต้องกลับมาอยู่ในหลักการเดิน คือการเดินไปสู่ All for Health และค่อยแก้ไขปัญหาระหว่างทาง” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การทำ 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ต้องปรับเปลี่ยนระบบสุขภาพเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพ โดยให้คนเป็นศูนย์กลาง ต้องปรับปรุงการบริหารจัดการเรื่องของการกระจายอำนาจระดับเขต ระดับโรงพยาบาล เพื่อให้การบริหารจัดการบูรณาการทำงานร่วมกัน หน่วยงานสาธารณสุขต้องได้รับการดูแล ลดการบั่นทอนจิตใจ เพิ่มค่าตอบแทนให้เหมาะสมและจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า พท.มีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ โดยให้การแพทย์สามารถใช้ได้ทั้ง Big Data การใช้ AI รวมไปถึง mobile และ Robot ต่างๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถเชื่อมโยงการทำงานระหว่างโรงพยาบาลใหญ่กับโรงพยาบาลขนาดเล็กได้ง่ายและสะดวกขึ้น

“เราจะทำให้เกิด Thailand Good Doctor โดยทุกสิ่งที่ทำจากมุ่งไปที่ประชาชน และต้องได้ก่อนป่วยคือต้องมีการแก้ไขให้คนไม่เจ็บป่วยก่อนที่จะป่วย” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว