ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยแรงงานไทยกลับจากเกาหลีใต้ มีไข้ 19 คน ตรวจแล้วไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ต้องติดตามต่อจนครบ 14 วัน

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ประเทศไทยไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม ยังสะสมอยู่ที่ 43 ราย รักษาหาย 31 ราย ยังรักษาอยู่ รพ. 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 43 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังสะสมตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 3 มี.ค. 3,680 ราย ให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,435 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาใน 1,545 ราย

สำหรับแรงงานไทยที่กลับเข้ามาเมืองไทยเมื่อคืนวันที่ 3 มี.ค.พบว่ามีไข้ 17 ราย และก่อนหน้านี้อีก 2 รายนั้น ผลตรวจออกมาทั้ง 19 ราย ไม่มีเชื้อไวรัสโคโรนา2019 แต่อย่างใด ทั้งนี้จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดทุกรายจนครบ 14 วัน ทั้งนี้ในส่วนของแรงงานที่มาจากเกาหลีใต้นั้นเป็นคนไทยเหมือนกัน ย่อมได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลเช่นเดียวกัน ดังนั้นขออย่ารังเกียจ เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงตัวด้วย

“คนที่เดินทางกลับมาจากประเทศระบาดนั้นขอความร่วมมือหากเมื่อพบมีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย อย่างใดอย่างหนึ่งให้ประสานสถานพยาบาลเพื่อนำสู่ระบบการตรวจรักษาที่เหมาะสมต่อไป หากไม่พบอาการต้องสงสัย ให้กักตัวเองในที่พัก 14 วัน งดการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แยกห้องนอน แยกสำรับอาหาร สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างคนในบ้านอย่างน้อย 2 เมตร” โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการประกาศเขตติดโรคติดต่อนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข จะมีการหารือกันอีกครั้ง ซึ่งหากประกาศออกมาแล้วจะมีมาตรการรับมือคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศระบาดนั้นหากเป็นคนไทยมีภูมิลำเนาในประเทศไทยขอให้เฝ้าระวังตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน งดการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แยกห้องนอน แยกสำรับอาหาร สวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างคนในบ้านอย่างน้อย 1-2 เมตร ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะต้องแจ้งที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้กระทรวงทราบ หากไม่สามารถแสดงที่พักที่ชัดเจนได้จะถูกผลักดันกลับประเทศต้นทาง ทั้งนี้หากป่วยต้องแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขทราบภายใน 3 ชั่วโมง และผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง อย่างไรก็ตามมาตรการนี้ต้องรอประกาศเขตติดโรคติดต่อก่อน