ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล กรณี ครม.อนุมัติอัตราข้าราชการใหม่ให้กระทรวงสาธารณสุข เรียกร้อง ทบทวนหลักเกณฑ์การบรรจุข้าราชการทุกวิชาชีพและการบรรจุนักศึกษาจบใหม่อย่างเป็นธรรม ชี้ หมออนามัย หรือคนทำงานใน รพ.สต. ถูกเลือกปฏิบัติ ต้องรอบรรจุรอบ 3 ในเดือน พ.ย.63 ขณะที่การบรรจุนักศึกษาจบใหม่ก็ไม่เป็นธรรมทั่วถึงทุกวิชาชีพ

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอัตราข้าราชการใหม่ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า ในส่วนของกเกณฑ์การจัดสรรข้าราชการ ซึ่งเป็นไปตามผลการพิจารณาของ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขนั้น พบว่ามีบางประเด็น ไม่มีความเสมอภาค ไม่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ ดังนี้

1.หมออนามัย หรือคนทำงานใน รพ.สต. ไม่สามารถบรรจุในรอบที่ 1 เดือน พฤษภาคม 2563 และรอบที่ 2 เดือนสิงหาคม 2563 ได้เลย แต่ให้ได้รับการบรรจุรอบที่ 3 เดือน พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นอีกปีงบประมาณ ถือว่าไม่ธรรม เช่น สายงานเจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 ถึง 3,154 ราย (81.71%) สายงานเจ้าพนักงานสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 ถึง 1,272 ราย (53.62%) และสายงานนักวิชาการสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 ถึง 4,418 ราย (41.45%) ในขณะที่วิชาชีพอื่นๆ ล้วนได้บรรจุในรอบที่ 1 และ 2 เกือบทั้งสิ้น

2.มีการเลือกปฏิบัติในการบรรจุนักศึกษาจบใหม่ 5 สายงาน โดยมีสายงานแพทย์ ทันตแพทย์ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทันที่ แต่เภสัชกร ให้บรรจุเป็นพนักงานราชการ ส่วนพยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการให้ทบทวนแผนกำลังคนอีกครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ การเลือกปฏิบัติระหว่างวิชาชีพ

ทั้งนี้ สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ ได้เสนอ ให้รัฐบาล คปร. ก.พ. และกระทรวงสาธารณสุข ทบทวนมติ ครม. มติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) และมติ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ดังนี้

ทบทวนทางเลือกหลักเกณฑ์การบรรจุข้าราชการทุกวิชาชีพและการบรรจุนักศึกษาจบใหม่อย่างเป็นธรรม

“สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ จึงขอเรียกร้องสิทธิ์ให้หมออนามัย หรือคนทำงานใน รพ.สต.ชายชายแดนใต้และทั่วประเทศ ได้รับการบรรจุอย่างเป็นธรรม เสมอภาค ชัดเจน โปร่งใส และเกิดผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อหมออนามัย/คนทำงาน รพ.สต. จะได้สมกับค่านิยมกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า “ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน” และเกิดผลดีต่อรัฐบาล ในการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขทุกระดับ และส่งผลดีต่อการบริหารสถานการณ์โรคในปัจจุบันอีกด้วย”