ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผลสำรวจชี้ ประชาชนกว่าครึ่งรายได้ลดลงในช่วงที่รัฐออกมาตรการสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนสถานที่ที่เห็นด้วยให้เปิดมากที่สุดคือตลาด ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า รองลงมาคือร้านตัดผม คลินิกความงาม นวดแผนโบราณ สปา ตลอดจนร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่สามารถนั่งทานได้

สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจการการปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2563 ที่เป็นต้นมา เพื่อสำรวจสถานการณ์และนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุดได้มีการสรุปรายงานผลการสำรวจรายสัปดาห์ (วันที่ 16-22 เม.ย. 2563) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 22,357 คน แบ่งเป็นอาชีพรับราชการ พนักงานของรัฐหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ 28.5% ลูกจ้างเอกชน 24.1% และอาชีพอิสระ ธุรกิจส่วนตัวหรือค้าชาย 16.9% พบว่าในช่วงที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดการระบาดของเชื้อไวรัส กลุ่มตัวอย่างกว่า 52.1% มีรายได้ลดลง และมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 57.5%

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงสถานที่ที่ควรเปิดให้บริการ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 69.9% เห็นด้วยว่าควรเปิดตลาด ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า รองลงมา 45.7% คือร้านตัดผม คลินิกความงาม นวดแผนโบราณและสปา และอีก 41.9% ต้องการให้เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่สามารถนั่งทานได้

นอกจากนี้ยังมีอีก 38.9% ที่อยากให้เปิดบริการสถานีขนส่ง อีก 36.8% ต้องการให้เปิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ศาสนสถาน พิพิธภัณฑ์ 36.2% เห็นควรให้เปิดสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ ฟิตเนส ส่วนมหาวิทยาลัยและโรงเรียน-ศูนย์เด็กเล็ก มีผู้เห็นด้วยในการเปิดบริการ 26.9% และ 20.7% ตามลำดับ

ขณะที่สถานบริการอย่างเช่นผับ อาบอบนวด สถานที่มหรสพ มีผู้เห็นด้วยให้เปิดเพียง 6.5% และสนามมวย สนามกีฬา สนามแข่งขัน สนามม้าอีก 6%

ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงมาตรการที่ควรทำต่อหลังการผ่อนปรนการล็อกดาวน์แล้ว กว่า 98.9% เห็นว่าควรส่งเสริมการดูแลป้องกันตนเองต่อไป เช่นเดียวกับการกักตัวผู้มาจากต่างประเทศ 14 วันก็มีผู้เห็นด้วย 98.2% รวมถึงการเว้นระยะห่างในที่สาธารณะ และผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรังไม่ควรออกจากบ้าน ก็เห็นด้วยถึง 95.3% และ 93.8% ตามลำดับ ส่วนมาตรการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผู้เห็นด้วยให้คงมาตรการต่อไป 78.8% ส่งเสริมการทำงานจากบ้าน 75.3% และผ่อนปรนมาตรการเดินทางในจังหวัดที่มีการระบาดต่ำอีก 59.9%

สำหรับผลการปฏิบัติตามแนวทางป้องกันตัวเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อด้วยวิธีต่างๆ พบว่า มี 2 วิธีที่ประชาชนปฏิบัติตัวได้ดีขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้า คือการสวมหน้ากากทุกครั้ง มีอัตราส่วนผู้ปฏิบัติเพิ่มขึ้นจาก 89.3% เป็น 91.2% และการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร มีอัตราส่วนการปฏิบัติเพิ่มขึ้นจาก 52.6% เป็น 66.3%

อย่างไรก็ดี ก็มีส่วนที่การ์ดตกด้วยเช่นกัน คือการล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ มีการปฏิบัติลดลงจาก 86.4% เหลือ 85.8% การกินร้อนช้อนกลาง จาก 85.6% ลดลงเหลือ 81.8% และการระมัดระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ลดลงจาก 62.2% เหลือ 55.6%

ทำแบบสอบถามได้ที่ www.อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ.com