ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.ขอความร่วมมือโรงพยาบาลที่เข้าร่วมระบบบัตรทองทั่วประเทศ จ่ายยาต้านไวรัสเอชไอวีและบริการทางการแพทย์ที่จำเป็น เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถรับบริการนอกสถานพยาบาลตามสิทธิ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ยังอยู่ในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับยาต้านไวรัสเอชไอวีและบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่สามารถเดินทางเข้ารับบริการโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการประจำตามสิทธิรักษาพยาบาลได้

ดังนั้น เพื่อการรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่อง สปสช.ให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระบบบัตรทองสามารถเข้ารับยาต้านไวรัสและบริการทางการแพทย์จำเป็นที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลอื่นในระบบบัตรทองได้ โดยเป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ในการดูแลประชาชนผู้มีสิทธิภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ซึ่ง สปสช.จะชดเชยยาและค่าบริการเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้ารับบริการต่อไป

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ในการนี้ สปสช.ขอความร่วมมือโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการในระบบบัตรทอง จ่ายยาต้านไวรัสเอชไอวีและให้บริการทางการแพทย์ที่จำเป็นแก่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เข้ารับบริการ และขอให้โรงพยาบาลจ่ายยาต้านไวรัสให้กับผู้ติดเชื้อที่มีอาการคงที่ เป็นจำนวน 3-6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการร่วมดูแลผู้ติดเชื้อในระบบบัตรทอง

“ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเป็นกลุ่มที่ต้องกินยาต้านไวรัสต่อเนื่องเพื่อกดปริมาณเชื้อไวรัส โดยการกินยาเป็นเรื่องที่เคร่งครัดและต้องตรงเวลา การเข้าถึงยาต้านไวรัสจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นในช่วงสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 สปสช.ขอความร่วมมือโรงพยาบาลในระบบบัตรทองทั่วประเทศร่วมให้บริการและดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพื่อให้เข้าถึงบริการ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว