ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เผยผลสำรวจออนไลน์ 99,865 ราย พบพฤติกรรมป้องกันโควิดให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ล้างมือ-เจลแอลกอฮอล์ แต่การเว้นระยะห่างยังน้อย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 พ.ค. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวผลสำรวจออนไลน์กรณีการปฏิบัติตามมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ตลอดเดือน เม.ย.2563 พบว่า มีผู้เข้ามาตอบ 99,865 ราย เป็นผู้หญิงตอบมากกว่าผู้ชาย โดยหญิง 71.6% ส่วนชาย 28.4% ทั้งนี้ พบว่า 99.8% เข้าใจว่า ควรทำมาตรการ “อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อ ชาติ” และอีก 93.8% คิดว่ามาตรการ “อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ” ช่วยลดการระบาดของโรคได้

“สำหรับชุดพฤติกรรมการป้องกันตนเองนั้น พบว่า ใส่หน้ากากอนามัยกับหน้ากากผ้าถึง 91.2% ล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจล 87.2% การกินร้อนช้อนตัวเอง 86.1% แต่พบว่าการรักษาระยะห่าง 65.3% น้อยเกินไป และไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก 62.9% ซึ่งยังไม่ดี ที่ผ่านมาตรฐานคือการสวมหน้ากาก ดังนั้น ขอให้ช่วยกันระวังตัว ยิ่งช่วงผ่อนปรน ต้องระมัดระวัง อย่างการรับประทานอาหารในร้านอาหาร อย่านั่งโต๊ะเดียวกัน ลองคิดภาพกินก๋วยเตี๋ยว สูดเข้าปาก กระเด็นได้เหมือนกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า ส่วนสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรเปิด คือ ตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า 69.9% ส่วนร้านตัดผม คลินิกเสริมความงามนวดแผนโบราณ สปา พบว่า 45.7 ขณะที่สถานที่ที่ประชาชนเห็นว่า ยังไม่ควรเปิด มากที่สุดคือ สนามมวย สนามกีฬ่า สนามแข่งขัน สนามม้า 90.5% รองลงมา คือ ผับ สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สถานประกอบการอาบอบนวด 89.9% ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนประถม มัธยม 64.6% มหาวิทยาลัยอีก 56.5% เป็นต้น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในกรณีความกังวลของประชาชนในการยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ควบคุม เพื่อสังเกตอาการเริ่มป่วยในชุมชนนั้น พบว่า 80% ยินยอมให้รัฐจัดพื้นที่ มี 20% ที่ยินยอม แต่ก็มีความกังวลว่าผู้ที่กักกันตัวจะออกมาในชุมชนถึง 50.1% และกังวลว่าผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ควบคุมจะพาเชื้อออกมา 38% กังวลเรื่องความสะอาดสถานที่อีก 36.6% ซึ่งตรงนี้ทางหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการเข้มงวดมาก ไม่ต้องกังวล