ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผลสำรวจชี้คนไทยยังก้ำกึ่งเห็นด้วยให้ปลดล็อกดาวน์ดีหรือไม่ โดยผู้ที่อยากให้ปลดล็อก 41% มองว่าประชาชนในจังหวัดของตนให้ความร่วมมือในการป้องกันอย่างดี ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 14 วัน

สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจการการปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2563 ที่เป็นต้นมา เพื่อสำรวจสถานการณ์และนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุดได้มีการสรุปรายงานผลการสำรวจรายสัปดาห์ (วันที่ 23-30 เม.ย. 2563) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 18,599 คน แบ่งเป็นอาชีพรับราชการ พนักงานของรัฐหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ 28.7% ลูกจ้างเอกชน 25.5% และอาชีพอิสระ ธุรกิจส่วนตัวหรือค้าชาย 22.4% พบว่า 49.1% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คิดว่าจังหวัดของตนยังไม่พร้อมที่จะปลดล็อกดาวน์ ส่วนกลุ่มที่คิดว่าจังหวัดของตนพร้อมปลดล็อกแล้วอยู่ที่ 41% และกลุ่มที่ไม่ทราบอีก 9.9%

สำหรับเหตุผลของกลุ่มที่คิดว่าพร้อมปลดล็อกแล้ว 85.5% ให้เหตุผลว่าประชาชนให้ความร่วมมือในการป้องกันอย่างดี 76.7% คิดว่ามีระบบจัดการสาธารณสุข คมนาคมและบริหารงานในจังหวัดได้ดี 75.7% คิดว่าไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 14 วัน โดยอีก 41.3% ให้เหตุผลว่ามีปัญหาทางเศรษฐกิจ และอีก 7.7% เริ่มไม่พอใจที่จะอยู่บ้าน

ผลสำรวจยังพบด้วยว่ากลุ่มตัวอย่าง 22.2% มีแผนที่จะเดินทางออกนอกจังหวัดในสัปดาห์แรกหลังปลดล็อกดาวน์ ส่วน 3 อันดับแรกของสถานที่ที่จะไปคือ ตลาดสด 74.1% ห้างสรรพสินค้า 65.7% และร้านอาหารแบบนั่งทาน 55.2%

สำหรับมาตรการที่เห็นด้วยมากกว่า 90% ว่าควรทำต่อหลังปลดล็อกดาวน์ คือ การดูแลป้องกันตนเอง 99% การกักตัวผู้กลับจากต่างประเทศ 14 วัน 97.8% การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 95.4% และผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังไม่ควรออกจากบ้าน 92.5%

นอกจากนี้ แบบสอบถามยังได้ถามความคิดเห็นว่ายอมให้รัฐจัดสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการในชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่หรือไม่ พบว่ามีผู้ยินยอม 80.02% และไม่ยินยอม 19.8% โดยเหตุผลที่ไม่ยินยอมเพราะ 50.1% กังวลว่าผู้กักกันตัวจะออกมาในชุมชน อีก 38% กังวลว่าผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ควบคุมจะพาเชื้อออกมา 36.6% กังวลว่าการทำความสะอาดสถานที่และบริเวณโดยรอบไม่ปลอดเชื้อ และอีก 35.2% กังวลว่าพาหนะ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในสถานที่ควบคุมจะปนเปื้อนเชื้อออกมา