ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สรุปผลสำรวจมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เดือน เม.ย พบประชาชนกว่า 86-91% ใส่หน้ากาก ล้างมือและกินร้อนช้อนตัวเอง แต่ยังรักษาระยะห่าง 2 เมตรและระวังตัวไม่เอามือจับใบหน้าได้เพียง 65% ชี้แนวโน้มคนออกจากบ้านเหตุผลทางด้านจิตใจและสังคมเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ หลังปลดล็อกดาวน์สัปดาห์แรกเตรียมออกต่างจังหวัดถึง 22.3%

สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ สรุปผลการสำรวจการการปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ระหว่างวันที่ 2-30 เม.ย. 2563 และเตรียมนำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้มากขึ้น โดยการสำรวจทั้งหมดมีผู้ตอบแบบสอบถาม 99,838 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 71.6% ชาย 28.4% อายุเฉลี่ย 42 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป 84.8% อาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 36.2% พนักงานลูกจ้างเอกชน 24% และประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย อาชีพอิสระอีก 17%

ทั้งนี้ผลสำรวจพบว่าในช่วงมาตรการ กลุ่มตัวอย่าง 52.1% มีรายได้ลดลงและอีก 58% มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมการมีผู้อยู่บ้าน 42.1% และออกนอกบ้าน 47% โดยเหตุผลที่ออกจากบ้านเพราะจำเป็นต้องไปทำงาน 62.3% และมีความจำเป็นต้องซื้ออาหาร ของใช้ พอแพทย์ 44.1%

นอกจากนี้ยังพบว่าสาเหตุที่ออกจากบ้านเนื่องจากเหตุผลทางด้านจิตใจและสังคมมี 6% และมีแนวโน้มมากขึ้นในทุกๆสัปดาห์ นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่าง 22.3% ยังระบุด้วยว่ามีแผนที่จะเดินทางออกนอกจังหวัดในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังปลดล็อกดาวน์

สำหรับพฤติกรรมการป้องกันตนเอง พบว่า มาตรการที่คนไทยสามารถปฏิบัติได้มากที่สุดคือการใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย อยู่ที่ 91% ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน เม.ย. 2563 รองลงมาคือการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 87% กินร้อนช้อนตัวเอง 86% ขณะที่การรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร และการระมัดระวังไม่เอามือจับหน้าหรือจมูกปาก ปฏิบัติตามได้ 65% และ 63% ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามถึงมาตรการที่ควรทำต่อหลังการผ่อนปรนการล็อกดาวน์แล้ว กว่า 99% เห็นว่าควรส่งเสริมการดูแลป้องกันตนเองต่อไป เช่นเดียวกับการกักตัวผู้มาจากต่างประเทศ 14 วันก็มีผู้เห็นด้วย 97.8% รวมถึงการเว้นระยะห่างในที่สาธารณะ และผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรังไม่ควรออกจากบ้าน ก็เห็นด้วยถึง 95.4% และ 92.5% ตามลำดับ ส่วนมาตรการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผู้เห็นด้วยให้คงมาตรการต่อไป 73.2% ส่งเสริมการทำงานจากบ้าน 72.3% และผ่อนปรนมาตรการเดินทางในจังหวัดที่มีการระบาดต่ำอีก 66.7%

ทั้งนี้สามารถทำแบบสอบถาม "การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน" ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ https://thaifightcovid19.com/