ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญฯ จุฬาฯ ย้ำการตรวจระดับภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีนโควิด ทำเฉพาะการวิจัย! อย่าซื้อชุดตรวจแบบรวดเร็วมาตรวจเอง เพราะการตรวจจะมีความไวไม่เพียงพอ เสียเงินโดยใช่เหตุ พร้อมย้ำ! วัคซีนที่มีอยู่เพื่อป้องกันโรค ในอนาคตต้องมีการเสริมสร้างหรือมีวัคซีนที่ดีกว่าและมีจำนวนเพียงพอ ก็สามารถให้เพิ่มเติมได้ ขณะนี้จึงไม่จำเป็นต้องรอวัคซีนที่ยังมองไม่เห็น

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก นพ.ยง ภู่วรวรรณระบุถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า

วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เราฉีดกัน การตอบสนองภูมิต้านทานจะเกิดขึ้นหลังฉีดครบแล้ว มากกว่า 99% แม้กระทั่งวัคซีน AstraZeneca เพียงเข็มเดียวภูมิต้านทานก็ขึ้นดีมาก การตรวจจึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด ระดับภูมิต้านทานที่ตรวจได้ในปัจจุบันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าระดับแค่ไหนเป็นระดับที่น้อยที่สุดในการป้องกันโรค ถึงเรารู้ระดับภูมิต้านทานเราก็จะยังไม่ทำอะไรอยู่ดี การกระตุ้นเข็มที่สามก็ยังไม่มีข้อยุติจนกว่าจะมีข้อมูลมากกว่านี้

ดังนั้น ผู้ที่ซื้อชุดตรวจแบบรวดเร็วก็ยิ่งไม่จำเป็นใหญ่เพราะการตรวจจะมีความไวไม่เพียงพอจะให้ผลลบจำนวนมาก เสียสตางค์โดยใช่เหตุ ในการตรวจวัดเชิงปริมาณ หน่วยที่ใช้ก็ยังไม่ได้ใช้หน่วยเดียวกันในแต่ละห้องปฏิบัติการ ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ การแปลผลจะสับสนกันมาก จึงไม่มีความจำเป็นในการตรวจ

เราจะเห็นหน่วยเป็น AU (Arbitrary Unit) หรือหน่วยตามอำเภอใจของบริษัทที่ตั้งขึ้นหรือหน่วยเป็น unit ยังไม่ได้ใช้หน่วยเดียวกันแบบไวรัส ตับอักเสบบี วัคซีน บางหน่วยเป็นไดลูชั่น เช่น 1:10, 1:20, 1:40,.. หรือบางหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ Inhibition ผู้แปลผลจะสับสนมาก

การตรวจขณะนี้อยู่ในงานวิจัยเท่านั้น ไม่ควรนำไปใช้ในเชิงบริการหรือโรงพยาบาลต่างๆที่ใช้วัดผลของวัคซีน โดยเฉพาะโรงพยาบาลบางแห่งนำวิธีการตรวจแบบเชิงคุณภาพ Qualitative แล้วอ่านผลหน่วยเป็น COI คือเปรียบเทียบกับ Cut Off Value ว่าเป็นกี่เท่า ทำให้ในการตรวจหลายแห่งโดยเฉพาะใช้ชุดตรวจแบบรวดเร็วหรือชุดตรวจแบบเชิงคุณภาพไม่ใช่เชิงปริมาณจะให้ผลลบเป็นจำนวนมาก ทำให้ดูเหมือนว่าวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันการวัดเชิงปริมาณในการแปลผลก็ยังไม่มีข้อยุติว่าระดับใดคือระดับที่ป้องกันโรค

ดังนั้น การตรวจหลังฉีดวัคซีนจึงไม่แนะนำให้ทำ ขณะนี้อยู่ในการทำเพื่อการวิจัยเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ศ.นพ.ยง โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด ว่า เมื่อข้าศึกประชิดหน้ากำแพง เรามีอาวุธอะไรก็คงต้องเอามาต่อสู้ให้หมดคงจะไม่รีรอสั่งซื้อปืนใหญ่ เมื่อการรบยืดเยื้อ รู้เขารู้เราและเรามีทางเลือก เราก็คงจะเลือกวิธีที่จะให้ได้ชัยชนะ

ปัจจุบันเช่นเดียวกัน ภาวะการระบาดของโควิด-19 ใหญ่หลวง ถ้าให้ 1% กว่าๆและเรามีผู้ป่วย 2-3 พันคนต่อวัน เราก็จะมีผู้เสียชีวิตประมาณวันละ 30 คนเดือนละพันคน ถ้าเรามีผู้ป่วยขึ้นไปถึง 4,000 คนต่อวันก็อาจจะมีผู้เสียชีวิตถึงวันละ 50 คน เราคงรอเวลาไม่ได้

อาวุธที่ดีที่สุดในการควบคุมการระบาดขณะนี้ คงหนีไม่พ้นให้ทุกคนมีภูมิต้านทานและลดความรุนแรงของโรคลงให้ได้ วัคซีนจึงเป็นทางออกหรือเป็นอาวุธที่สำคัญ วัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้ เราไม่มีทางเลือก จึงต้องรีบเอามาใช้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เรามีอยู่

ในอนาคต ถึงแม้ว่าข้าศึกจะเปลี่ยนแปลงหรือไวรัสจะเปลี่ยนแปลง เราก็จะมีอาวุธที่ดีกว่าเช่นเดียวกัน ทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีนสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ตรงกับไวรัสที่กำลังระบาดและถึงเวลานั้นเราก็สามารถใช้อาวุธดังกล่าวมาเสริมได้เช่นเดียวกัน เกือบทุกบริษัทกำลังเร่งรีบพัฒนาให้ได้สิ่งที่ดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

วัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้ เราฉีดกระตุ้นให้สร้างภูมิต้านทานเพื่อป้องกันไปก่อน ในอนาคตเราจะต้องมีการเสริมสร้างหรือวัคซีนที่ดีกว่าและมีจำนวนเพียงพอ เราก็สามารถที่จะให้เพิ่มเติมได้ ขณะนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอวัคซีนที่ยังมองไม่เห็น