ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมการแพทย์เผยสถานการณ์ยังน่าห่วง! เตียงรองรับไม่เพียงพอ ส่วนแผนการปรับระบบฮอสพิเทล รองรับผู้ป่วยสีเหลือง ยังขาดเครื่องผลิตออกซิเจน เหตุพบการลักลอบนำออกไปชายแดน เร่งแก้ปัญหาเพื่อรองรับผู้ป่วย ย้ำ! ยาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ มีสต๊อก 10 ล้านเม็ด และเดือน ส.ค. มาอีก 40 ล้านเม็ดทยอยเข้าทุกสัปดาห์

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์เตียงผู้ป่วยโควิด และสต๊อกยาฟาวิพิราเวียร์ เพียงพอหรือไม่ ว่า ขณะนี้เตียงรองรับผู้ป่วยทั้งรพ.รัฐและเอกชน ติดลบแล้ว อย่างหลายแห่งรับได้แค่ 10 ใส่เข้าไป 12 ดังนั้น เตียงรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลืองและแดงตึงหมด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรากำลังรอเครื่องผลิตออกซิเจนในหลายๆส่วนทั้งรัฐและเอกชน เพื่อนำไปใช้ในฮอสพิเทล เพื่อรับคนไข้สีเหลือง ที่จะเข้มขึ้นและต้องการออกซิเจน ให้นอนในฮอสพิเทลได้ ซึ่งฮอสพิเทลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีห้องกว่า 2 หมื่นห้อง ถ้าเราแค่แปลง 10% จะมีเตียงสีเหลืองเพิ่มอีก 2 พันกว่าเตียงก็จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ แต่ตอนนี้ติดขัดเรื่องเครื่องผลิตออกซิเจน ถังออกซิเจนมากพอสมควร เพราะได้ข่าวว่ามีการลักลอบนำออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะชายแดนพม่า

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณียาฟาวิพิราเวียร์นั้น ทางองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ยืนยันว่าสต๊อกในประเทศไทยมียาประมาณ 10 ล้านเม็ด และจะทยอยเข้ามา โดยเดือนหน้าจะเข้ามาทีละสัปดาห์ รวมแล้วประมาณ 40 ล้านเม็ดในเดือน ส.ค.นี้ ดังนั้น อัตราการใช้ไม่มีปัญหาเรื่องสต๊อกยา ขณะเดียวกันเดิมมีเรื่องเบิกยาค่อนข้างวุ่นวาย เราพยายามตัดขั้นตอนทั้งหมด ปัจจุบันมีความร่วมมือกับภาคประชาสังคม ยกตัวอย่าง การทำโรงพยาบาลเสมือนจริง โดยเอาคนไข้ที่โทรเข้ามา 1668 มาขึ้นทะเบียนเป็น Home Isolation คนไข้ที่เริ่มมีอาการเราก็ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ และเรายังมีภาคประชาสังคมต่างๆมาช่วยกัน ประสานเข้ามากรณีคนไข้เริ่มมีอาการ เราก็จะจัดส่งยาไปให้ หลักการเราเอื้อในส่วนนี้มากที่สุด

“ส่วนใครจะได้รับยาฟาวิพิราเวียร์นั้น หลักเกณฑ์คือ หากอาการดี ไม่มีโรคร่วมก็จะไม่ต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ก็กินยาลดไข้ หรือฟ้าทะลายโจร แต่ถ้ามีอาการ ขอให้เริ่มยาเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นแนวทางจากคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ทั้งโรงเรียนแพทย์ สมาคมโรคติดเชื้อ ระบว่า ต้องเริ่มยาให้เร็วที่สุดเมื่อเริ่มมีอาการ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว แต่ไม่มีอาการขอให้อยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ตรงนี้เป็นการป้องกันไม่ให้อาการสีเขียวเป็นสีเหลือง” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการควบคุมโควิด มี 5 ด้าน คือ 1.นโยบายที่ชัดเจน 2. ระบบการควบคุมโรคดี 3.ระบบการรักษาพยาบาลเข้มแข็ง 4.การฉีดวัคซีนครอบคลุม และ5.ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ ขณะนี้ขอย้ำว่า บุคลากรเจ้าหน้าที่หน้างานยินดีดูแลผู้ป่วยเต็มที่ แต่ด้วยตอนนี้ล้นเตียงจริงๆ อย่างรพ.ราชวิถี มีรอเตียงอีก 10 กว่าเตียง รอที่ ER เมื่อเตียงบนตึกว่าง ก็จะต้องนำส่วนที่รอขึ้นไปทันที ซึ่งไม่ใช่แค่รพ.ราชวิถี แต่ะทุกรพ.เหมือนกันหมด ทั้งนี้ พวกเราคนไทยไม่ทิ้งกัน ขอสัญญาว่าจะทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต