ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยแผนจัดสรรวัคซีนโควิดปี 65 อยู่ที่ 120 ล้านโดส ส่วนชนิดไหนอยู่ที่เจรจา ครอบคลุมทั้งวัคซีนรุ่น 2 และใช้บูสเตอร์ โดส พร้อมเผยขณะนี้อยู่ระหว่างติตามประเมินประสิทธิผลการใช้วัคซีนสูตรผสม “ซิโนแวค-แอสตร้าฯ” ในกลุ่มฉีดไขว้ ล่าสุดฉีดแล้วเกือบ 1 ล้านคน

ตามที่มีข้อสงสัยภายหลังมีกระแสข่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการประชุมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าได้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด19 เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้มีการจัดหาวัคซีน 168 ล้นโดสระยะเวลาตั้งแต่เดือน ก.พ.2564-มี.ค.2565 นั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า แผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปี 2564 อยู่ในกรอบ 100 ล้านโดส ซึ่งเป็นกรอบเดิมที่ทางประเทศไทยมีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกราย เพื่อให้จัดส่งวัคซีนเข้ามา ส่วนในปี 2564 เดิมกำหนดไว้ 50 ล้านโดส แต่ล่าสุดสถาบันวัคซีนแห่งชาติเสนอเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด รวมแล้วปี 2565 อยู่ที่ 120 ล้านโดส ซึ่งที่ประชุม ศบค. ได้อนุมัติแล้ว ส่วนจะมีวัคซีนอะไรอย่างไร อยู่ที่ขั้นตอนการเจรจา

“กรณีข่าวที่ว่ามีการจัดหาวัคซีน 168 ล้านโดส ตรงนี้ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า มาจากส่วนไหน แต่เบื้องต้นปีนี้ตามแผนคือ 100 ล้านโดส ส่วนปี 2565 เพิ่มเป็น 120 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนชนิดใดจะเข้ามานั้นต้องอยู่ที่การเจรจา แต่ก็จะรวมหมดทั้งวัคซีนรุ่น 2 วัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สามหรือ บูสเตอร์โดส อย่างไรก็ตาม กรณีวัคซีนรุ่น 2 ขณะนี้ยังไม่มีบริษัทไหนออกเจนฯ 2 มา แต่เราไม่ได้รอให้ต้องออกมาก่อน ก็มีการเจรจาอยู่เช่นกัน” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่าในปีหน้าจะต้องมีวัคซีนซิโนแวคหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า วัคซีนมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามีชนิดใดบ้าง แต่กรณีซิโนแวค 12 ล้านโดสเป็นแผนการนำมาใช้สลับกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งได้มีการประเมินประสิทธิผลของวัคซีนทั้งคู่ตามที่มีการรายงานในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้(17 ส.ค.) ซึ่งการฉีดไขว้นอกจากกระตุ้นภูมิขึ้นได้ และใช้เวลาไม่นาน จึงเป็นปัจจัยที่เหมาะสมในการใช้ซิโนแวคกับแอสตร้าฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการฉีดสูตรผสมไปแล้ว 9 แสนถึง 1 ล้านคน ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้มีการติดตามประสิทธิผลการใช้วัคซีนไขว้ คาดว่าประมาณ 2-3 เดือนจะทราบว่าประสิทธิผลของการใช้เป็นอย่างไร และจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะต่อไป