ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ลงมติให้คำแนะนำสูตรฉีดวัคซีนกรณี “โมเดอร์นา” ทั้งฉีด 2 เข็มห่าง 4 สัปดาห์ รวมทั้งแนวทางฉีดไขว้กรณี “ซิโนแวค+โมเดอร์นา” “แอสตร้าฯ+โมเดอร์นา” “ซิโนฟาร์ม+โมเดอร์นา” และ “ไฟเซอร์+โมเดอร์นา” ทั้งหมดห่างกัน 4 สัปดาห์ พร้อมแนวทางฉีดกระตุ้นด้วยโมเดอร์ กลุ่มไหนฉีดได้.. ขณะเดียวกันยังย้ำ! ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมวัคซีนโควิดได้

 

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมรับทราบผลการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อป้องกันการป่วยหนัก เสียชีวิตได้ดีมากในทุกวัคซีน โดยได้ระดับมากกว่า 80-90% ขึ้นไป แต่เมื่อพบสายพันธุ์เดลต้า ประสิทธิผลการป้องกันติดเชื้อ(Effectiveness) จะลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ ในทุกวัคซีน ข้อมูลมาจากการปฏิบัติจริง(Real World) จะต่างจากการวัดประสิทธิผลจากห้องแล็บว่าภูมิคุ้มกันขึ้นหรือไม่ ซึ่งไม่สำคัญเท่ากับประสิทธิผลจริง เนื่องจากตัวเลขมีปัจจัยแปรผันหลายประการ ซึ่งการศึกษานี้ใช้ฐานข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเขตเมือง(สปคม.) ของผู้ที่รับบริการในกรุงเทพมหานคร และข้อมูลการฉีดวัคซีนในระบบหมอพร้อม เมื่อเดือน ก.ย.64

จากการศึกษาข้อมูลวัคซีนที่ฉีดในกทม.หลักๆ ในช่วงนั้น พบว่า สูตรแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ห่างกัน 12 สัปดาห์ ป้องกันการติดเชื้อได้ 54% ส่วนสูตรซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าฯ ห่างกัน 4 สัปดาห์ ป้องกันได้ 70% ฉะนั้น หากดูจากการศึกษานี้ พบว่าสูตรไขว้มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ เป็นอีกเหตุผลที่ระยะหลัง กทม. ลดการระบาดได้ค่อนข้างดี เนื่องจากฉีดวัคซีนได้ค่อนข้างมาก วัคซีนมีประสิทธิผลลดการติดเชื้อได้ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 50% เป็นข้อมูลที่ดีในจังหวัดอื่นๆ เพราะขณะนี้ทราบว่าวัคซีนอยู่ในแต่ละจังหวัดค่อนข้างมาก ก็ขอให้เร่งฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

นพ.โอภาส กล่าวว่า มติของการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ทั้งหมดก็ได้นำเข้าสู่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเห็นชอบ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ดังนี้ 1.การฉีดวัคซีนเข้าในชั้นผิวหนัง(Intradermal) เนื่องจากมีข้อมูลว่าสามารถลดปริมาณการใช้วัคซีนได้ โดยประสิทธิผลใกล้เคียงกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ(Intramuscular) ตามปกติ แต่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังเห็นชัดกว่า แต่อาการไข้ลดลงกว่า เพราะใช้วัคซีนน้อยกว่า คณะกรรมการฯ มีมติว่า สามารถฉีดเข้าในชั้นผิวหนังได้ โดยเฉพาะกรณีวัคซีนมีจำกัด หรือไม่เพียงพอ เช่น หากวัคซีนไม่พอ เดิมฉีดเข้ากล้ามเนื้อได้ 1 คน แต่ฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง จะได้ 3-5 คน ก็จะเพิ่มการฉีดได้มากขึ้น

2.คำแนะนำการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ห่างกับวัคซีนโควิด จากเดิมที่ให้ห่างกัน 4 สัปดาห์ลดมาเป็น 2 สัปดาห์ ขณะนี้คำแนะนำใหม่สามารถฉีดพร้อมกันได้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิดไปเกือบ 80 ล้านโดสแล้ว พบผลข้างเคียงรุนแรงมีไม่มาก

3.กรณีการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม คณะอนุกรรมการฯ แนะนำฉีดเข็ม 3 ห่างจากการเข็ม 2 แล้ว 6 เดือนขึ้นไป ด้วยวัคซีนด้วยไฟเซอร์ ดังนั้น ผู้ที่ฉีดแอสตร้าฯ เข็ม 2 ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. สามารถไปติดต่อขอรับเข็ม 3 ตามความสมัครใจได้ที่ รพ.ใกล้บ้าน หากที่ใดมีความพร้อมแล้วก็สามารถฉีดได้ทันที ทั้งนี้ ขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่มีด้วย ส่วนผู้ที่จองวัคซีนโมเดอร์น่าไว้ ซึ่งเป็นชนิด mRNA เช่นเดียวกันก็สามารถรับเข็ม 3 ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

“บางคนถามว่าฉีดเร็วขึ้น ยาวขึ้นได้หรือไม่ ต้องเรียนว่า หลักการภาพรวม ระยะห่างการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีปัจจัยแรกคือ ฉีดเร็วเกินไป ภูมิคุ้มกันอาจขึ้นไม่ค่อยดี แต่หากฉีดช้าก็มีโอกาสภูมิฯ ตกและติดเชื้อได้ ฉะนั้น ความสมดุลย์ในระยะเวลาการฉีด จึงมีความสำคัญ” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า 4.กรณีที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 เช่น แอสตร้าฯ แล้วมีอาการไข้สูง ท้องเสีย เป็นไข้หลายวัน จนไม่อยากฉีดเข็ม 2 หรือแพทย์พิจารณาว่ามีอาการค่อนข้างมาก ให้เปลี่ยนเป็นชนิดอื่นต่อไป คณะอนุกรรมการฯ มีความเห็นว่า ขอให้เปลี่ยนชนิดวัคซีนได้ กรอบการฉีดเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น แอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์ หรือโมเดอร์น่าได้ แต่ไม่แนะนำเป็นซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม แต่หากเข็ม 1 เป็นซิโนแวคเข็ม 2 อาจใช้แอสตร้าฯ ได้ ส่วนคนที่ฉีดเข็ม 1 เป็นไฟเซอร์ โมเดอร์น่า ก็จะพิจารณาเป็นราย ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นต้องไปต่างประเทศ ที่ปลายทางกำหนดเรื่องการฉีดวัคซีนต่างกัน ก็ขอให้จุดฉีดพิจารณาให้ฉีดได้ตามความต้องการของผู้ที่จะไปต่างประเทศได้ เนื่องจากขณะนี้เรามีวัคซีนค่อนข้างเพียงพอ แต่ขอให้พิจารณารายกรณี

นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนกรณีวัคซีนทางเลือกโมเดอร์น่า คณะอนุกรรมการฯ มีคำแนะนำดังนี้ 1.ฉีดเข็ม 1 ห่างจากเข็ม 2 ประมาณ 4 สัปดาห์ ฉีดสำหรับผู้อายุ 12 ปีขึ้นไป 2.สำหรับการฉีดสูตรไขว้ คือ ซิโนแวค+โมเดอร์น่า แอสตร้าฯ+โมเดอร์น่า ซิโนฟาร์ม+โมเดอร์น่า และ ไฟเซอร์+โมเดอร์น่า ให้ห่างกัน 4 สัปดาห์ตามคำแนะนำเอกสารกำกับยาของผู้ผลิต สำหรับการฉีดเข็มกระตุ้น หลังรับซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม 2 เข็มแล้ว สามารถฉีดโมเดอร์น่าได้ หลังฉีดเข็ม 2 แล้ว 4 สัปดาห์เป็นต้นไป ส่วนผู้ฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็ฉีดเข็ม 3 เป็นโมเดอร์น่าได้ หลังเข็ม 2 แล้ว 6 เดือนขึ้นไป

“ที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุขรับทราบดังนี้ ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนำข้อแนะนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์แต่ละจังหวัด และหากประชาชนประสงค์รับวัคซีนขอให้ติดต่อกับจุดฉีด หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อนัดหมายขอรับการฉีด” นพ.โอกาส กล่าว

 

ข่าวเกี่ยวข้อง : ไขข้อสงสัย! คนฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มครบโดส และกลุ่มฉีดวัคซีนไขว้ ต้องฉีดกระตุ้นเข็ม 3 อย่างไร

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org