ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองปลัดสธ.เผยคืบหน้า “รมว.สธ.” ชงขอบรรจุขรก.โควิดต่อ ก.พ.พิจารณาอนุมัติตัวเลข 3.7 หมื่นอัตรา แบ่งเป็นเสนอใหม่ 2.7 อัตตรา และอัตราว่างเดิม 9 พันอัตราครอบคลุม 71 สายงาน ไม่ยืนยันแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ขณะที่รายชื่อ สายงานต่างๆ เข้าส่วนกลางแล้ว เหลือรวบรวมก่อนส่ง ก.พ.และครม.พิจารณาตามขั้นตอน พร้อมเผยเงื่อนไขบรรจุราชการต้องอยู่ใน สธ. หากกรณีถ่ายโอนรพ.สต.ไปท้องถิ่นก่อน ย่อมไม่ได้..

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2564 นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอขอบรรจุอัตราข้าราชการที่ปฏิบัติงานโควิด19 รอบสองกว่า 3.7 หมื่นคน ว่า หลังจากท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีนโยบายสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานโควิด19 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการบรรจุข้าราชการไปแล้วปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้ให้จัดทำข้อมูลเพื่อเสนอขอบรรจุอัตรากำลังข้าราชการรอบสอง ซึ่งได้รวบรวมตัวเลขแล้วกว่า 3.7 หมื่นอัตรา ครอบคลุม 71 สายงาน แบ่งเป็นการเสนอใหม่ 27,809 อัตรา และอัตราตำแหน่งว่างเดิมของกระทรวงสาธารณสุขอีกกว่า 9 พันอัตรา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มภารกิจหลัก (G1) กลุ่มภารกิจสนับสนุนวิชาการ (G2) และกลุ่มภารกิจทางบริหารจัดการ(G3) ซึ่งรวมแบคออฟฟิศ รวมไปถึงมีกลุ่ม G3(พิเศษ) เป็นสายงานจำเป็นต่อส่วนราชการ เช่น การพัสดุ เป็นต้น

“ล่าสุดได้ปรึกษากับท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีฯ ซึ่งแนวโน้มน่าจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพื่อพิจารณาขออนุมัติตัวเลขอัตราการบรรจุข้าราชการ ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป นอกจากนี้ ยังทำเรื่องเสนอต่อ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว” นพ.สุระ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเสนอต่อ ก.พ. และคาดว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ นพ.สุระ กล่าวว่า ขณะนี้กองบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กำลังรวบรวมข้อมูล รายชื่อและคุณสมบัติ ว่า ตรงตามเงื่อนไข ตามสายงานหรือไม่อย่างไร ก่อนเสนอต่อ ก.พ. แต่คงไม่สามารถระบุชัดเจนว่า จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่อย่างไร ที่สำคัญการเสนอตัวเลขต่อ ก.พ. ก็ต้องรอพิจารณาด้วยว่า ทางก.พ.จะให้อัตรากำลังเท่าไหร่

เมื่อถามว่ากรณีการบรรจุข้าราชการครั้งนี้จะมีผลต่อคนที่อยู่ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นพ.สุระ กล่าวว่า ตอนนี้เราทำเรื่องเสนอตามเงื่อนไขทั้งหมด เพียงแต่ว่า หากบุคลากรใดถ่ายโอนไปยังท้องถิ่นแล้ว และยังไม่ได้รับการบรรจุ ก็จะไม่สามารถทำให้ได้ เนื่องจากเงื่อนไขการขอบรรจุข้าราชการโควิดต้องเป็นบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากรณีการประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อบริหารจัดการการกระจายอำนาจด้านสาธารณสุข ที่นพ.สุระ เป็นประธานและได้ประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา นพ.สุระ กล่าวว่า เป็นการประชุมเตรียมการในส่วนกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่ได้มีผลในการพิจารณาอะไร เพราะการถ่ายโอนจะเป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีนายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์เป็นประธาน ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธาน

“คณะกรรมการประสานงานฯ จะทำหน้าที่เตรียมการ เตรียมความพร้อม กรณีที่มีการถ่ายโอน รพ.สต.ไปท้องถิ่นแล้ว เพราะอย่างไรเสียต้องทำงานร่วมกัน แต่ทั้งหมดแม้เป็นกฎหมาย แต่หลักการต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ดังนั้น การถ่ายโอน รพ.สต. อาจไปในรูปแบบภารกิจงาน แต่บุคลากรหากไม่ต้องการไป ก็สามารถอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม เพียงแต่คณะกรรมการประสานงานชุดนี้จะเตรียมข้อมูลว่า กรณีถ่ายโอนไปแล้ว ทางท้องถิ่นต้องดำเนินการอย่างไร ต้องประสานทำงานร่วมกันอย่างไรต่อไป เป็นต้น” รองปลัด สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานฯ กล่าว

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org