ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เห็นชอบผู้เดินทางเข้าประเทศ ในระบบ Test and Go ให้ลงทะเบียนใหม่ได้อีกครั้ง เริ่ม 1 ก.พ.65 เป็นต้นไป พร้อมเงื่อนไขป้องกันโควิดเข้มงวด

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 ม.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19(ศบค.) กล่าวว่า สำหรับการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิดกรณีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรในระบบ Test and Go โดยที่ผ่านมาผู้เดินทางเข้ามามีคนลงทะเบียนประมาณ 3 แสนคน แต่เข้ามาจริงประมาณ 30% ของผู้ได้รับอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับช่วงเวลาการขอเข้าราชอาณาจักรใหม่ โดยให้เริ่มขอขึ้นทะเบียนใหม่ได้ตั้งแต่ 1 ก.พ.2565 ในทุกประเทศ แต่ต้องจองโรงแรมในการพักวันที่ 1 และวันที่ 5 และต้องตรวจ RT-PCR ที่พักวันแรกและวันที่ 5 รวมเป็น 2 ครั้ง ต้องมีหลักฐานตั้งแต่ลงทะเบียนเข้ามา มีหลักฐานการชำระเงิน และต้องจ่ายเงินเองทั้งค่าโรงแรมและ RT-PCR

รวมถึงเรื่องประกันต้องครอบคลุม เพราะที่ผ่านมาพบค่าห้อง ค่ารักษา หรือจำนวนวันมาอยู่ไม่เพียงพอ และต้องรวมถึงการเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงด้วย ต้องให้ครอบคลุมด้วย หากระบาดมากขึ้นจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์กลับมาใช้แซนด์บ็อกซ์แทน และต้องมีระบบติดตามตัวในการมาตรวจวันที่ 5 มีระบบแจ้งถ้ายังไม่เช็กอินเข้าโรงแรมนี้ ผู้ที่เป็น Manager ต้องติดตามตัวให้เจอ ให้มาพักวันที่ 5 เพื่อตรวจรอบที่ 2 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะเพื่อติดตามตัวให้ได้

ส่วนแซนด์บ็อกซ์ให้มีเพิ่มขึ้นที่ ชลบุรี อ.บางละมุง พัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง สัตหีบ (เฉพาะตำบลนาจอมเทียนและบางเสร่) , ตราด (เกาะช้าง) การเปิดพื้นที่เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย พะงัน เกาะเต่า) ในช่วง 7 วันที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับในนักท่องเที่ยวทุกคนว่าไปไหนมา

แผนบริการให้วัคซีนโควิด 19 ที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าหมาย ครอบคลุม 72.1% ของประชากร เดิมตั้งไว้ 72 ล้านคน แต่มีการปรับฐานประชากรนับให้ตรงกัน จึงเอาฐานประชากรจากสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย ตามสิทธิรักษาข้อมูลจังหวัด และตามสิทธิรักษา สปสช. ตัวเลขยอมรับคือ 68.6 ล้านคน รวมและไม่มีสิทธิรักษาทั้งสัญชาติไทยและไม่ใช่สัญชาติไทย อีก 0.96 ล้านคน รวม 69.6 ล้านคน น้อยกว่าเดิม 2 ล้านคน ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนมี 4 แผน คือ 1) การฉีดวัคซีนกลุ่มเด็ก 5-11 ปี วัคซีนไฟเซอร์โดสเด็กกำลังเข้ามา ล็อตแกรปลายเดือนนี้ 2) แผนรณรงค์เร่งรัดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวในเข็มกระตุ้น ห่างจากเข็มก่อนหน้า 3 เดือน 3) แผนการส่งคืนวัคซีนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ คือสิงคโปร์และภูฏานที่ยืมมา และ 4) การบริจาควัคซีนให้แก่ต่างประเทศ ส่วน ก.พ. จะมีวัคซีนบริหารจัดการรวม 11.6 ล้านโดส

ส่วนการนำเข้าแรงงาน 3 สัญชาติ มีคำร้อง 7.4 หมื่นกว่าคำร้อง ออกหนังสือถึงประเทศต้นทางแล้ว 44,243 ราย ใน 3 ประเทศ ส่วนใหญ่มาจากเมียนมา 3 หมื่นกว่าคน เพื่อให้เข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งประเทสเราต้องใช้แรงงาน เพื่อลดการลักลอบเข้าเมือง และมีมาตรการในการติดตามหากมีแอปพลิเคชันเพื่อป้องกันควบคุมโรคด้วยจะดี เปลี่ยนจากภาระมาเป็นแรงงานเป็นพลังให้เรา ให้ทุกหน่วยงานดูแลในระดับพื้นที่