ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พรรคประชาธิปัตย์รวมตัวอัด “กัญชาทางการแพทย์แผนอนุทิน” ผิดเพี้ยนจากมาตรฐานสากล ขณะที่ประกาศ สธ.คุมช่อดอกกัญชา ไร้อำนาจจับกุมจริง! เห็นชัดลงพื้นที่ถนนข้าวสารคืนวันที่ 29 พ.ย.พบข้อเท็จจริงว่ามีการจัดลักษณะคาเฟ่กัญชาในห้องสูบกัญชา แต่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ นี่คือ ปัญหานำไปสู่นันทนาการ

 

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายบัญญัติ เจตนจันทร์ พร้อมด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และคณะ แถลงข่าวเกี่ยวกับกัญชาการแพทย์ ว่า กัญชาการแพทย์ในปัจจุบันที่ผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานสากล โดยในช่วง 1 - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของการใช้ช่อดอกกัญชาในแหล่งท่องเที่ยว ชุมชนต่าง ๆ และทราบว่ามีร้านจำหน่ายกัญชาที่เปิดขายช่อดอกกัญชาให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทย ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุดก็อนุญาตให้สูบได้ที่ร้านขายช่อดอกกัญชาเหล่านั้น แต่เมื่อมีประกาศนี้ขึ้น แหล่งท่องเที่ยวบางแหล่งก็จัดทำเป็น Common Room โดยอ้างว่าเป็นสถานที่กลางที่ไม่ใช่ที่สาธารณะมาให้สูบกัน ทางกรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้ตรวจสอบว่าสิ่งที่กระทำไปเช่นนั้นถูกต้องตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 - 2 สัปดาห์มานั้น ได้สร้างความคลางแคลงสงสัยว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามนโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่ รมว.สาธารณสุข ที่ยืนยันมาโดยตลอดว่าเป็นนโยบายกัญชาทางการแพทย์ไม่ใช่กัญชานันทนาการ

ทั้งนี้ ตน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนักวิชาการมหาวิทยาลัย ได้ตรวจสอบว่านโยบายของ รมว.สาธารณสุขกับการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขมีความสอดคล้อง ถูกต้อง มีมาตรฐานตรงกันหรือไม่ และพี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายกัญชาทางการแพทย์ และป้องกันโทษ รวมถึงพิษภัยต่อประชาชนหรือไม่ อย่างไร โดยพบว่าขณะนี้ประเทศไทยเป็นกัญชานันทนาการเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ สภาพปัจจุบัน “กัญชาทางการแพทย์ของ รมว.สาธารณสุข” ซึ่งขอใช้คำว่า “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” แตกต่างจาก “กัญชาทางการแพทย์มาตรฐานสากล”  มี 5 ประการ ดังนี้

1. “กัญชาทางการแพทย์แผนอนุทิน” ตัดสินประโยชน์และโทษของกัญชาด้วยความเชื่อ จากสื่อโฆษณาชวนเชื่อ และหลักฐานการวิจัยขั้นต่ำ แต่ไม่สนใจตำราแพทย์หรือผลงานวิจัยเชิงประจักษ์ขั้นสูง

2. “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” ไม่สนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและปราศจากสารปนเปื้อนมาให้ผู้ป่วยใช้ แต่เน้นให้ปลูกเอง รักษาตนเอง

3. “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” เชื่อว่า คนไทยทุกคนเก่งเรื่องกัญชาอยู่แล้ว โดยอ้างว่ากัญชานี้คนไทยใช้มาหลายร้อยปีแล้ว คนไทยคิดเอง สูบเองได้เลย สกัดเองเป็น เก่งกว่าหมอในต่างประเทศ เพราะในต่างประเทศ ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายให้

4. “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” เชื่อว่าคนไทยทนกัญชาได้ดีกว่ามนุษย์ชาติอื่นๆในโลกนี้ ผู้ใดต้องการใช้สามารถใช้ได้เลยโดยไม่ต้องให้แพทย์ทำการตรวจประเมินหรือปรับยาให้

5. “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” เชื่อว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ทั้ง ๆ ที่ UN หรือองค์การสหประชาชาติ และทั่วโลก ยังกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่

 

โดย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันตามนโยบายของพรรคคือสนับสนุนกัญชาการแพทย์เต็มร้อย แต่เป็น “กัญชาการแพทย์มาตรฐานสากล” ไม่ใช่ “กัญชาการแพทย์แผนอนุทิน” เช่นในปัจจุบันนี้ และ “คัดค้านกัญชาเสรีหรือกัญชานันทนาการ” ที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง เด็ก สตรี หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือผู้มีความเสี่ยงจากอาการทางจิตเวช และยืนยันว่ากัญชาเป็นพืชที่เป็นสารเสพติดให้โทษ ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่ยังไม่สามารถควบคุมกัญชาให้เป็นกัญชาเพื่อการแพทย์โดยไม่ให้เป็นกัญชาเพื่อนันทนาการได้  เห็นได้ชัดจากการที่อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ลงพื้นที่ถนนข้าวสารเมื่อคืนที่ผ่านมา พบข้อเท็จจริงว่ามีการจัดลักษณะคาเฟ่กัญชาในห้องสูบกัญชา ซึ่งอธิบดีกรมการแพทย์ได้กล่าวยอมรับว่าตนเองไม่มีอำนาจที่จะจับกุมดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น จึงแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์เสรีกัญชาสุดขั้วที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติดโดยที่ยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการควบคุม ซึ่งจะสร้างปัญหาและนำไปสู่ในเรื่องของการนันทนาการ

อีกทั้ง ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมตรวจที่ถนนข้าวสาร และยอมรับว่าไม่มีอำนาจที่จะจับกุมเช่นเดียวกัน และได้ตั้งข้อสังเกตว่าประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุดอาศัยอำนาจจาก พ.ร.บ.สมุนไพรควบคุม ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสมุนไพรหายากและจะสูญพันธุ์แต่ไม่ได้มีเจตนารมณ์ในการควบคุมพืชที่มีลักษณะเป็นสารเสพติดอย่างกัญชา จึงเห็นว่าประกาศกระทรวงฉบับล่าสุดไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค. 65) จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเรื่องกฎหมาย หาก พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. .... เสร็จเรียบร้อยก็จะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้กรรมาธิการยังยืนอยู่ในแนวทางเดิม ดังนั้น เราจึงเตรียมการอภิปรายและชี้ให้เห็นว่าแม้กฎหมายจะมีความจำเป็นแต่การเขียนกฎหมายจะต้องมีลักษณะควบคุมไม่ใช่เป็นการเปิดเสรีอย่างที่เห็น จึงต้องติดตามว่าคณะกรรมาธิการจะรับฟังสภาในการขอแก้ไขกฎหมายเป็นรายมาตราหรือไม่ แต่หากยังไม่มีการแก้ไขหรือยืนตามร่างของคณะกรรมาธิการ โอกาสที่กฎหมายฉบับนี้จะถูกตีตกก็มีสูง ดังนั้น การทำกฎหมายจะเป็นทางออกที่ดีจึงขอให้ประธานคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... และพรรคภูมิใจไทย ได้รับฟังสังคม ฝ่ายแพทย์ และพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งผู้ที่มีความห่วงใย และปรับเนื้อหาสาระของกฎหมายเพื่อใหกลับไปสู่การควบคุมกัญชาให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และยังคงเป็นพืชที่ต้องถูกควบคุมให้เป็นยาเสพติดต่อไป