ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมอดีตพนักงานของรัฐชื่นชม สธ. ยุค “ปลัดโอภาส” ติดตามสิทธิประโยชน์ขึ้นชำนาญการบุคลากร มีความหวังขับเคลื่อนข้อเรียกร้องคืนอายุราชการ หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมมาราว 22 ปี

 

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม นายมานพ ผสม ประธานชมรมอดีตพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากชมรมฯ ได้เรียกร้องกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) และกรมบัญชีกลาง ในการพิจารณาทบทวนสิทธิประโยชน์ของพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญจำนวน 22,335 ตำแหน่งในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2547 โดยขอให้นับอายุราชการในการบรรจุเป็นข้าราชการตั้งแต่วันที่บรรจุเป็นพนักงานของรัฐ(ปี 2543-2547)  แต่ปัญหาคือที่ผ่านมาไม่มีการนับอายุราชการ ทำให้กลุ่มนี้เสียสิทธิ์โดยปริยายนั้น   

“จากการเรียกร้องมากว่า 22 ปีจนตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งทางเราก็พยายามขับเคลื่อนตลอด ทั้งการยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยร้องที่ศาลปกครองกลาง แต่แนะนำให้เราร้องศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาเรื่องนี้  ในทางเดียวกันหลังปีใหม่จะขอความกรุณายื่นเรื่องถึงกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อขอแนวทางช่วยเหลือเช่นกัน” นายมานพ กล่าว

นายมานพ กล่าวอีกว่า ตอนนี้เรามีความหวังกับยุคของนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพราะตั้งแต่ท่านรับตำแหน่ง มีความใส่ใจบุคลากร เห็นได้จากล่าสุดมีหนังสือจากนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดสธ. ที่ท่านปลัดสธ.มอบหมายให้ดูแลเรื่องบุคลากร โดยเป็นหนังสือถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผอ.โรงพยาบาลศูนย์และผอ.โรงพยาบาลทั่วไป กำชับให้ตรวจสอบข้อมูลข้าราชการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้น หมายความว่า เป็นการติดตามข้าราชการที่สามารถปรับชำนาญการของตนเองได้ให้มาดำเนินการ จากในอดีตไม่เคยมีการติดตามผลประโยชน์ของบุคลากร อยู่ที่ข้าราชการหรือ บุคลากรนั้นๆ ว่าจะขวนขวายเองหรือไม่  แต่ครั้งนี้กลับเปลี่ยนไป ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจมากขึ้น

“ยุคนี้จึงเป็นความหวังว่า ผู้บริหารกระทรวงฯ จะใส่ใจบุคลากรจริงๆ พวกเราจึงมองว่า เรื่องการขอให้นับอายุราชการจะได้รับการตอบรับ มีการขับเคลื่อนจากผู้บริหารในการช่วยเหลือตรงนี้จริงๆเสียที เพราะเราขับเคลื่อนกันมากประมาณ 22 ปีแล้ว” ประธานชมรมฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดต้องให้มีการนับอายุราชการย้อนหลัง เนื่องจากบุคลากรอื่นๆอาจไม่เข้าใจ เพราะอายุราชการต้องนับเมื่อเป็นราชการเท่านั้น นายมานพ กล่าวว่า ที่ต้องออกมาเรียกร้องขอคืนอายุราชการ เพราะขณะนั้นพวกตนถูกสื่อสารให้เข้าใจผิด ให้หลงเชื่อ โดยเดิมมีบางส่วนเป็นลูกจ้างประจำ ซึ่งสมัยนั้นมีสิทธิเทียบเท่าข้าราชการ แต่ด้วยนโยบายรัฐบาล มีการกำหนดข้าราชการสายพันธุ์ใหม่ โดยได้มีสัญญาให้ลูกจ้างประจำลาออก และศึกษาต่อเพื่อให้ได้บรรจุราชการวุฒิสูงขึ้น กลุ่มนี้อายุมากแล้วประมาณ 40-50 ปีขึ้นไป แต่ปรากฎว่า กลับได้เป็นพนักงานของรัฐในช่วงปี 2543 เป็นเวลา 4 ปี จนปี 2547 ถึงได้รับการบรรจุ กลายเป็นว่า ช่วง 4 ปีนั้นอายุราชการหายไป เพราะจำใจลาออก เหตุหลงเชื่อว่าจะได้บรรจุข้าราชการจริงๆ จึงต้องขอความเป็นธรรมเรื่องนี้ โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ  มีทุกวิชาชีพ ทั้งแบคออฟฟิศ แพทย์แผนไทย เทคนิคการแพทย์ เจ้าพนักงานสาธารณสุขทั้งหมด

 

ข่าวเกี่ยวข้อง : อดีตพนักงานของรัฐ จ่อร้องศาลปกครองสูงสุด ขอความเป็นธรรมปมนับอายุราชการ-ไร้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org