ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ความในใจอีกครั้งกับ “หมอสุภัทร” เมื่อต้องไปรพ.สะบ้าย้อย พร้อมขอบคุณ “อ.วีระศักดิ์” อาจารย์แพทย์ผุ้ใหญ่อาสาเป็นคนกลางหารือทางออกครั้งนี้ระหว่างนพ.สุภัทร และผู้บริหาร สธ. ส่วนตัวลั่นติดลาพักผ่อน 2-3 ก.พ. เมื่อคำสั่งย้าย จะเข้ารพ. ดำเนินการตามคำสั่งได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.เป็นต้นไป พร้อมยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอน และขอความเป็นธรรมศาลปกครอง ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตตามมาตรา 157 หรืออาจจะรวมถึงฟ้องต่อ ปปช.ต่อไป

 

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะที่ถูกคำสั่งย้ายไปนั่งรพ.สะบ้าย้อย และประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์เฟซบุ๊กความในใจเมื่อคำสั่งย้ายมาแล้ว ว่า

 

ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณอาจารย์วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ อาจารย์แพทย์ผู้ใหญ่ที่สังคมและตัวผมเองเคารพยิ่ง ที่อาสาเป็นคนกลางในการหารือทางออกร่วมกันระหว่างผมและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งได้เสนอทางออกที่ให้ผมทำงานให้หนักขึ้นคือ เป็นผู้อำนวยการควบทั้งที่รพ.จะนะและรพ.สะบ้าย้อย ข้อเสนอและความตั้งใจของอาจารย์วีระศักดิ์นั้น ผมยินดีทำตามที่อาจารย์เสนอ งานหนักไม่กลัว กลัวแต่ว่าข้อเสนอของอาจารย์นั้นจะเป็นหมัน ฝ่าย สธ.ไม่ตอบรับครับ

ผมทราบว่า ทางศาลากลางจังหวัดสงขลาได้ส่งหนังสือคำสั่งย้ายตรงถึงโรงพยาบาลจะนะแล้ว แต่ผมได้ลาพักผ่อนมาประกอบภารกิจของครอบครัวที่กรุงเทพในวันที่ 2-3 ก.พ.66 อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 6 ก.พ.66 ผมจึงจะได้เข้าโรงพยาบาลครับ ไปทำงานและดำเนินการเรื่องคำสั่งโยกย้ายต่อไป

โดยขั้นตอนทางราชการ เมื่อคำสั่งมาถึง ผมก็ต้องลงนามรับทราบคำสั่ง และมีเวลาไม่เกิน 15 วันในการดำเนินการทุกอย่างและเดินทางไปรับราชการในที่ใหม่ เวลา 15 วันนั้นไม่ใช่เวลาสำหรับการเก็บของและเดินทางนะครับ เดี๋ยวนี้ถนนดีรถดีแล้ว แต่เวลา 15 วันนั้น คือเวลาที่สำคัญสำหรับการส่งมอบงาน ซึ่งโดยหลักปฏิบัติทุกฝ่ายต้องสรุปงานที่ดำเนินการอยู่ว่าคั่งค้างถึงไหน ต้องเขียนสรุปงานเป็นเอกสารและนัดอธิบายส่งมอบให้กับผู้อำนวยการคนใหม่ เพื่อที่จะได้สานงานต่อได้อย่างไร้รอยต่อ ส่วนงานที่ว่าด้วยการพัสดุ การเงิน การบริหารบุคคล การจัดซื้อจัดจ้าง งานที่มีกฎหมายกฎระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้อง งานบริหารเหล่านี้ที่ยังคั่งค้างยิ่งต้องมีการจัดทำเอกสารที่รัดกุมแล้วจึงส่งมอบ เพราะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับการรับผิดทางกฎหมายด้วย นี่คือภารกิจในช่วงเวลาที่ระเบียบกำหนดให้ว่าต้องเดินทางภายใน 15 วัน

ส่วนเมื่อรับคำสั่งแล้วย้ายแล้ว ผมก็จะส่งคำอุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมของสำนักงาน กพ.ตามขั้นตอน ซึ่งกำหนดเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ใน 30 วันหลังรับทราบคำสั่ง แล้วก็ปรึกษาทีมกฎหมายของชมรมแพทย์ชนบทในการขอความเป็นธรรมจากศาลปกครอง ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตตามมาตรา 157 หรืออาจจะรวมถึงฟ้องต่อ ปปช.ต่อไป

ผมเป็นข้าราชการระดับอำเภอ เพียงแต่ผมมีอีกหมวกคือประธานชมรมแพทย์ชนบท การต่อสู้ของผมและผู้คนมากมายในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวผมเอง แต่ชัดเจนว่า เพื่อฟื้นฟูระบบธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุขที่ถึงจุดต่ำมาก ไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้อีก และให้การถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมที่เห็นชัดเจนกรณีของผมกลายเป็นโฟกัสของความร่วมมือร่วมใจของผู้คนทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข คนละไม้คนละมือที่จะออกมาปกป้องและปลดปล่อยกระทรวงสาธารณสุขจากการครอบงำวางคนเพื่อยึดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสมบัติและฐานระยะยาว

ขอเรียนตรงๆ วันนี้การบริหารจัดการภายในของกระทรวงสาธารณสุขนั้นวิกฤตมากๆครับ คนใน สธ.รู้ดีแต่พูดไม่ได้เพราะจะโดนย้าย บ้านของเราอย่าให้คนที่มาเช่าอยู่อาศัยมายึดและทำลายนะครับ