ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

องคมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาโรงพยาบาล โดยเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายช่วยพัฒนาศักยภาพ ดูแลรับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลลูกข่ายในอำเภอใกล้เคียง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พร้อมด้วย นายแพทย์อภิชัย ลิมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ คณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มอบประกาศเกียรติคุณผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช พร้อมมอบถุงของขวัญพระราชทานให้กับผู้ป่วย ให้กำลังใจบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน และเปิดแพรคลุมป้ายทองรายนามผู้บริจาคตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ปี 2564-2565 บริเวณหน้าห้องผ่าตัด

นายแพทย์อภิชัย ลิมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราโชบายให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเป็นฐานที่แข็งแรงในการพัฒนางานด้านสุขภาพสู่ชุมชน เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนในพื้นที่ ทำงานร่วมกับชุมชนภายใต้แนวคิด นำความดีและความเก่งของโรงพยาบาลไปสู่ชุมชน จากโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล ปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ได้พัฒนาจนเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ 160 เตียง และเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายที่รับส่งต่อผู้ป่วยสาขาหลักจากอำเภอใกล้เคียง ทำให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างมีคุณภาพ ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง และมีการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพโดยแพทย์เฉพาะทางให้กับโรงพยาบาลลูกข่าย ได้แก่ อำเภอเขาวง อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอนาคู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งต่อ การประเมินความเสี่ยงทารกในครรภ์

นายแพทย์อภิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในระดับชุมชนให้ยั่งยืน โดยความร่วมมือของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน คณะกรรมการชุมชน และประชาชน นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำรงชีวิต ซึ่งครัวเรือนต้นแบบสุขภาพดี มีสิ่งแวดล้อมน่าอยู่ เขตเทศบาลเมืองกุฉินารายณ์ มีการจัดการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง และนำขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนและชุมชนไปทำปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อนำกลับมาใช้ในการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ ลดการใช้สารเคมี ปัจจุบันมีสมาชิกโครงการครัวเรือนต้นแบบสุขภาพดี 1,284 หลังคาเรือน สามารถกำจัดขยะอินทรีย์ภายในครัวเรือนต่อหลังคาเรือน ได้น้อยที่สุด 3 กิโลกรัม และมากที่สุด 67 กิโลกรัม