ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ในวันที่ 31 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก การดำเนินการและควบคุมยาสูบ รัฐบาลโดยหน่วยงานต่างๆ มีการดำเนินการอยู่หลายมาตรการ ทั้งการปราบปรามบุหรี่หลบเลี่ยงภาษี การเพิ่มอัตราภาษียาสูบ การห้ามโฆษณาหรือส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ การเพิ่มพื้นที่สาธารณะปลอดควันบุหรี่ และการเพิ่มการเข้าถึงบริการช่วยเลิกบุหรี่ รวมทั้งการเตือนให้รับรู้ถึงพิษภัยของยาสูบ เพื่อให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลงเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน

ในปีนี้ องค์การอนามัยโลก กำหนดประเด็นรณรงค์พร้อมกันทั่วโลกว่า "ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้าย ทำลายชีวิต" (Ban Tobacco Advertising, Promotion and Sponsorship) เพื่อให้ 194 ประเทศสมาชิกทั่วโลก รณรงค์ส่งเสริมให้สังคมรู้เท่าทันกลยุทธ์การตลาดรูปแบบต่างๆ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ร่วมกันเฝ้าระวังกิจกรรมการสื่อสารการตลาดแอบแฝงของบริษัทบุหรี่ในประเทศไทย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการเสพติดบุหรี่

กรมสรรพสามิต ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมจำนวนบุหรี่หรือยาสูบ ให้มีในจำนวนจำกัดตามกฎหมาย เพื่อป้องกันบุหรี่หรือยาสูบนอกระบบเข้ามาสู่ผู้บริโภค โดยทางกรมสรรพสามิต มีทั้งมาตรการเชิงรุกและเชิงรับในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนทำให้ในรอบปีที่ผ่านมา (ต.ค.55-เม.ย.56) สามารถสกัดกั้นจำนวนยาสูบหรือบุหรี่ได้จำนวนมาก พบมีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 จำนวน 9,401 คดี เปรียบเทียบปรับเป็นเงินได้ 156,400,287.14 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการกระทำความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ไพ่ พ.ศ.2486 เพื่อสกัดกั้นสินค้าผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ เข้ามาในประเทศ

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า สำหรับกรมสรรพสามิตจะมุ่งเน้นการดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุก พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตอย่างจริงจังและต่อเนื่อง อันจะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่เสียภาษีโดยสุจริตและจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี รวมถึงเพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน จะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง

โดยช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้รับการประสานงานจากกรมทหารราบที่ 5 กองกำลังเทพสตรี ว่า จะมีการลักลอบนำยาสูบต่างประเทศผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรและหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 5 กองกำลังเทพสตรี เข้าตรวจสอบเรือประมง บริเวณหน้าเกาะสาม ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล พบของกลางเป็นยาสูบต่างประเทศ 75,000 ซอง

จึงนำตัวนายสะมะแอ มาซูรี นายดาวุธ บิลังโหลด และนายวีระวัฒน์ หมันยาหมีน รวม 3 คน มาดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509 คิดเป็นค่าปรับทั้งสิ้น 161,493,750 บาท ซึ่งนับเป็นการปราบปรามกระทำผิดในคดียาสูบครั้งใหญ่ก่อนถึงวันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้

สำหรับบุหรี่ของกลางที่กรมสรรพสามิตตรวจยึดได้ ส่วนหนึ่งหลังจากสิ้นสุดกระบวนการทางกฎหมายแล้ว มีการนำไปมอบให้กับศูนย์การเรียนรู้ทางการเกษตรเพื่อนำยาเส้นบุหรี่ไปเป็นส่วนผสมผลิตยากำจัดศัตรูพืช เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะปัจจุบันยากำจัดศัตรูพืชทุกยี่ห้อ มีนิโคตินจากใบยาสูบผสมอยู่ โดยแมลงและศัตรูพืชจะตายเมื่อนิโคตินออกฤทธิ์ ทำให้ระบบการหายใจเป็นอัมพาตจนแมลงหยุดหายใจและตายลง โดยในแต่ละปีงบประมาณนั้นทางกรมสรรพสามิตจะพยายามจัดสรรบุหรี่ของกลางไปให้ศูนย์การเรียนรู้ทางการเกษตรแต่ละพื้นที่อยู่เสมอมา

โดยผลการศึกษาตำราพิษวิทยา พบว่า นิโคตินเป็นสารที่พบตามธรรมชาติ แต่ในใบยาสูบจัดเป็นสารพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่ง ยากำจัดศัตรูพืช หรือยาฆ่าแมลงที่มีนิโคตินผสมอยู่ หากใช้ในจำนวนมากจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทั้งต่อสัตว์เลื้อยคลาน หนอน ปลา ปู รวมทั้งเชื้อราบนดิน ในปลาที่ได้รับสารนิโคตินเป็นเวลานานๆ จะเกิดความผิดปกติของการเติบโต และเป็นพิษต่อการเจริญพันธุ์ โดยบุหรี่แต่ละมวนมีนิโคตินประมาณ 1 มิลลิกรัม สามารถป้องกันศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินอย่างยั่งยืน ปรับปรุงบำรุงดิน ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมด้วย

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือคอลเซ็นเตอร์ โทร.1713 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.excise.go.th หรือตู้ ปณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ และจะมอบสินบนนำจับให้ภายหลังจากคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว 

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง