ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะทำงานยกร่าง พ.ร.ก.กองทุนค่ารักษาพยาบาลข้าราชการท้องถิ่น กล่าวว่า  หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือข้าราชการท้องถิ่นในการเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าเทียมกับข้าราชการพลเรือนโดยไม่ต้องสำรองเงินจ่ายก่อน และเข้ารักษาได้ทุกแห่งในโรงพยาบาลของรัฐ โดยนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และตัวแทนของสมาคม สมาพันธ์ อปท.ทั่วประเทศ หลังจากนี้จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะให้ ครม.เห็นชอบประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อให้มีผลบังคับใช้

นายศักดิพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และ สปสช.ได้มีหนังสือเวียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้แจ้งไปยัง อบต. เทศบาล และ อบจ. แต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อบันทึกข้อมูล อปท. แต่ละแห่งถึงหลักฐานผู้ที่มีสิทธิและผู้มีสิทธิร่วม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2541 โดยทุก อปท.จะต้องส่งรายชื่อนายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ 2 ท่าน และให้ท้องถิ่นจังหวัดรายงานตรงไปยัง สปสช. หลังจากได้นั้น สปสช.จึงจะกำหนดรหัสผ่านให้กับทุก อปท.เพื่อกรอกข้อมูลผู้มีสิทธิ หรือผู้มีสิทธิร่วมผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังส่วนกลาง โดยเฉพาะเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่จะสามารถเชื่อมโยงไปสำนักงานทะเบียนราษฎรกลาง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และภายในวันที่ 30 มิถุนายน จะต้องแล้วเสร็จ วันที่ 20 สิงหาคม สปสช.จะทำรายงานสรุปรายงานรายชื่อผู้มีสิทธิ และผู้มีสิทธิร่วมทั้งหมด แจ้งกลับไป อปท.ทุกแห่งทราบ เพื่อให้ทันกำหนดในวันที่ 1 ตุลาคม  ผู้มีสิทธิทุกคนในกองทุนบุคลากร อปท.สามารถเริ่มใช้บริการในโรงพยาบาลหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินก่อน

"มาตรฐานการให้การรักษา และการจ่ายยานั้น เลขาธิการ สปสช.ยืนยันว่าเทียบเท่ากับข้าราชการพลเรือน ที่กังวลว่าจะถูกจับไปอยู่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นไม่จริง เพราะสำนักงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่น ได้มีมติกันเงินงบประมาณ 3,500 ล้านบาท ไว้แล้ว" นายศักดิพงศ์

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 5 มิถุนายน 2556