ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่รณรงค์ควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ จ.ปทุมธานี ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันกำจัดลูกน้ำยุงลายในบ้าน ชุมชน โรงเรียนทุก 7 วัน ชี้เป็นมาตรการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ได้ผลที่สุด

พร้อมกำชับมิสเตอร์ไข้เลือดออก และอสม.ทั่วประเทศ ควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในพื้นที่อย่างเข้มงวด หากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ต้องป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในพื้นที่เดิม เผยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบทั่วประเทศผู้ป่วย 6,013 ราย จำนวนยังสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3 เท่าตัว

วันนี้ (18 กรกฎาคม 2556) นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน“จังหวัดปทุมธานีผลึกกำลังต้านภัยไข้เลือดออก” ที่โรงเรียนวัดบางนางบุญ บ้านบางขะแยง ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และมอบทรายกำจัดลูกน้ำยุงลาย ให้อาสาสมัครสาธารณสุข และแกนนำนักเรียน ปล่อยขบวนรณรงค์ ขบวนรถพ่นสารเคมี ดำเนินการพ่นสารเคมีกำจัดยุงลาย ในหมู่บ้าน โรงเรียน และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่นในชุมชนแออัดต่างๆ พร้อมร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่หมู่ที่ 4 ในตำบลบางขะแยงด้วย

นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า ช่วงเดือนนี้ไปจนเดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงที่มีจำนวนยุงลายมาก เนื่องมาจากฝนตกชุก ความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไข้เลือดออกยังไม่ลดลงหากการป้องกันควบคุมโรคไม่ดีพอ มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเน้นหนักขณะนี้ 2 เรื่องคือ การป้องกันการป่วย และการป้องกันการเสียชีวิต ได้ให้ส่วนกลาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งตั้งวอร์รูม และมิสเตอร์ไข้เลือดออก ติดตามกำกับการควบคุมป้องกันโรคนี้ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้อาสาสมัครสาธารณสุขที่กระจายทั่วประเทศ หมู่บ้านละ 10-15 คน เป็นแกนนำป้องกันควบคุมโรคในหมู่บ้าน ให้ความรู้ประชาชน ค้นหาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องทันท่วงที โดยหากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ให้ส่งทีมเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มซ้ำในพื้นที่เดิม พร้อมทั้งขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน ร่วมกันทำลายยุงลายทั้งในบ้าน ชุมชน โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงเรียน ได้ขอให้นักเรียนเป็นแกนนำรณรงค์กำจัดยุงลายทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และชุมชนอย่างต่อเนื่องทุก 7 วัน เพื่อลดปริมาณยุงลายให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นมาตรการป้องกันโรคที่ได้ผลที่สุด เนื่องจากยุงลายเป็นตัวการแพร่เชื้อโรคนี้

นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อว่า ในการรักษาได้อบรมพัฒนาความรู้เพิ่มทักษะแพทย์ที่รักษาเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่ สามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นมาตรฐานเดียวกันและช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ได้มากที่สุด โดยผู้ป่วยขณะนี้พบได้ทุกวัย และสาเหตุการเสียชีวิตส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ป่วยมาถึงมือแพทย์เมื่ออาการหนักมากแล้ว จึงขอย้ำเตือนประชาชน หากมีไข้สูงขอให้คิดถึงโรคไข้เลือดออกไว้ก่อน ลักษณะสำคัญของโรคนี้ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน และไข้มักจะไม่ลง หลังเช็ดตัวหรือให้กินยาลดไข้ ใบหน้ามีสีแดง มีจุดสีแดงตามผิวหนัง ปวดศีรษะ หากมีอาการที่กล่าวมาและไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ขอให้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัย ให้คำแนะนำในการดูแลอย่างถูกต้อง ช่วงที่ต้องดูแลใกล้ชิดคือช่วงที่ไข้ลด หากผู้ป่วยมีอาการแจ่มใส สดชื่นขึ้น แสดงว่าหายป่วย แต่หากหลังไข้ลงแล้ว ผู้ป่วยมีอาการซึมลง อ่อนเพลีย ไม่พูดคุย หรือมีเลือดกำเดาออก หรือเลือดออกตามไรฟัน หรือถ่ายอุจาระสีดำ อาการเหล่านี้ แสดงว่าผู้ป่วยกำลังจะเข้าสู่อาการซ็อคต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว หากช้าอาจเสียชีวิตได้ ทั้งนี้อาการไข้เลือดออกในเด็ก อาจจะมีเพียงไข้และมีผื่น ส่วนในผู้ใหญ่อาจมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ

ด้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปีนี้สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2555 ประมาณ 3 เท่าตัว ในช่วงวันที่ 9-16 กรกฎาคม 2556 หรือช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 6,013 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม -16 กรกฎาคม 2556 มีทั้งหมด 73,902 ราย เสียชีวิต 73 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 0.10 พบผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียน สำหรับที่ จ.ปทุมธานีในปีนี้ มีผู้ป่วย 459 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยพบสูงสุดในกลุ่มอายุ 10-14 ปี พื้นที่ที่มีผู้ป่วยมากที่สุดได้แก่ อ.เมือง รองลงมาคือ อ.คลองหลวง และ อ.ธัญบุรี

นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ยุงลายที่เป็นต้นเหตุโรคไข้เลือดออก ร้อยละ 95 เป็นยุงลายที่อาศัยอยู่ในบ้านคน ชอบวางไข่ตามน้ำใส ที่ขังนิ่ง ที่เหลือเป็นยุงลายสวนอยู่ตามป่า ยุง 1 ตัวมีชีวิต 30 -45 วัน วางไข่ได้ 3-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 200 ฟอง หลังวางไข่แล้วจะใช้เวลาฟักเป็นตัวยุง 7-10 วัน ดังนั้นวิธีการป้องกันดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้ยุงเกิด ประชาชนต้องช่วยกันปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำในบ้าน เปลี่ยนน้ำในแจกันไม้ประดับ ขารองตู้กับข้าว ทุก 7 วัน ปล่อยปลาหางนกยูงในอ่างบัว อ่างไม้น้ำ หรือภาชนะเก็บกักน้ำที่ไม่สามารถปิดฝาได้ รวมทั้งอย่าปล่อยให้มีน้ำขังตามภาชนะรอบๆบ้าน ยางรถยนต์เก่า และปิดฝาโอ่งน้ำ ไม่ให้ยุงไปวางไข่ได้ ปริมาณยุงลายจะลดลง

ยุงลายเป็นยุงที่ออกหากินเวลากลางวัน ดังนั้นผู้ที่นอนในช่วงช่วงกลางวันต้องนอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดไม่ว่าจะอยู่บนตึกสูงหลายชั้น หรือที่บ้าน เพื่อป้องกันยุงลายกัด สำหรับการพ่นสารเคมีนั้น จะใช้เมื่อมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก เพื่อฆ่าทำลายกำจัดยุงลายตัวโตเต็มวัยที่มีเชื้อไข้เลือดออก โดยพ่นในรัศมี 100 เมตรรอบๆบ้านผู้ป่วยและชุมชน ป้องกันไม่ให้ไปกัดคนอื่นและไม่ให้ไปวางไข่แพร่พันธุ์ต่อ ทั้งนี้ จากการติดตามควบคุมโรคในชุมชนของผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตทุกราย พบว่าทุกชุมชนมีลูกน้ำยุงลายในภาชนะขังน้ำต่างๆ

ที่มา: http://www.thanonline.com