ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จัดประชุมนักวิเคราะห์  ผู้บริหารไม่ยืนยันข่าวร่วมทุนกับโรงพยาบาลในจ.พิษณุโลก และมองโกเลีย จากก่อนหน้าให้ข่าวสนใจถือหุ้น 51% คาดใช้เงินลงทุน 2 ดีลรวม 4-5 พันล้านบาท คาดเจรจาเสร็จภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า รับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด(มหาชน)(บมจ.)(BH) ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์  เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา  นายเจษฎา เตชะหัสดิน นักวิเคราะห์บมจ.หลักทรัพย์(บล.)ดีบีเอส  วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)  กล่าวว่าผู้บริหารของ BH ไม่ยืนยันว่าบริษัทจะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลกและในประเทศมองโกเลีย และปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆ

ขณะที่ตลาดฯ มีการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการที่พิษณุโลกจะเป็นการซื้อโรงพยาบาลพิษณุเวช ด้วยจำนวนเตียง 150 เตียง (จำนวนเตียง +30%) ทั้งนี้ BH มีแผนที่จะใช้โรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อให้บริการผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเมียนมาร์ โดยจังหวัดพิษณุโลกอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งราว 650 กิโลเมตร

อย่างไรก็ดีฝ่ายวิเคราะห์บล.ดีบีเอสฯ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อกิจการที่มองโกเลียซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลและการแข่งขันกับโรงพยาบาลของจีน ซึ่งมองว่าประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่ดีสำหรับ BH เมื่อพิจารณาถึงสถานภาพที่มั่นคงและความมีชื่อเสียงในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยที่มาจากประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา มีสัดส่วนคิดเป็น 7% และ 3% ของรายได้ของ BH ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556

บล.ดีบีเอส ฯคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2556 ของ BH แข็งแกร่ง ตามความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ารายได้และกำไรจะยังคงแข็ง แกร่ง ด้วยปริมาณผู้ป่วยที่สูงขึ้น เนื่องจากสภาพฝนตกและอากาศที่เย็นขึ้น (จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นมาก) ทั้งนี้ในเดือนพฤษ ภาคมที่ผ่านมา BH ได้เปิดคลินิกสำหรับรักษาผู้ป่วยนอก (OPD) จำนวน 4 ชั้น และเพิ่มจำนวนเตียงอีก 25 เตียงสำหรับผู้ป่วยใน (IPD) ในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ความสามารถในการรองรับผู้ป่วย OPD และ IPD เพิ่มขึ้นอีก 40% และ 5% ตามลำดับ โดยความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจะหนุนการเติบโตของกำไรนับจากนี้

อนึ่งก่อนหน้านี้นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า บริษัทสนใจเข้าไปร่วมลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ จ.พิษณุโลกสัดส่วน 51% คิดเป็นเงินลงทุน 3-4 พันล้านบาท   ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน(ทำดิวลิเจนต์)ว่าเป็นไปตามที่ได้มีการเจรจาหรือไม่  ขณะที่การถือหุ้นในสัด ส่วน 51% จะทำให้บริษัทสามารถคุมการบริหารจัดการได้ตามนโยบายการลงทุนที่ต้องการ

นอกจากนี้อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับโรงพยาบาลที่ประเทศมองโกเลีย โดยจะเข้าร่วมทุนพร้อมกับพันธมิตรอีก 2-3 ราย  เมื่อรวมกันแล้วสามารถถือหุ้นในสัดส่วน 51%  ขณะที่นายชัยกล่าวว่า BH จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท  สัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวทำให้มีสิทธิในการกำหนดนโยบายการบริหารได้ เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน แต่ในด้านการบริหารภายในยังให้นักลงทุนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านขั้นตอนการติดต่อกับราชการและกฎระเบียบ

นายชัยกล่าวว่า หากทั้ง 2 ราย การไม่มีปัญหาน่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า และจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับเงินลงทุนจะมาจากการขายหุ้นบมจ.บางกอกเชน ฮอสปิทอล (ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเกษมราษฎร์) สัดส่วน 24.99% เป็นเงิน 4.56 พันล้านบาท  และบางส่วนได้จากการออกหุ้นกู้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 22 - 24 ส.ค. 2556