ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โพสต์ทูเดย์ - สธ.ชง อย.ออกมาตรฐานฮาลาลไทย ดันอาหารและยาไทยฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำ เอื้อเมดิคัลฮับ

นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่ากระทรวงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักส่งเสริมและสนับสนุนอาหารปลอดภัย (สสอป.) รับผิดชอบดำเนินการพิจารณาออกมาตรฐานฮาลาลไทยให้แก่ผู้ประกอบการผลิตสินค้าอาหารและยาประเภทต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐานอื่นๆอยู่แล้ว ทั้งมาตรฐานของ อย. มาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (จีเอ็มพี) โดยต้องเป็นอาหารและยาที่ผ่านฮาลาลในระดับที่ชาวมุสลิมในระดับสากลยอมรับ

"แนวคิดคือ เราต้องการให้สินค้าอาหารและยาในไทยเป็นสินค้าฮาลาล เรดี้ หรือเป็นอาหารฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำ ไม่ใช่มารอปลายน้ำแล้วค่อยปรุงหรือหาวิธีทำให้เป็นฮาลาลเช่น ไก่ทุกตัวในไทยต้องผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานฮาลาล เมื่อมอบตราฮาลาลไทยให้แก่สินค้าฮาลาล เรดี้ ก็จะทำให้ชาวมุสลิมมั่นใจในสินค้าอาหารและยาของไทยมากขึ้น" นพ.ชาญวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันทั่วโลกมีชาวมุสลิมไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านคน การผลักดันให้เกิดฮาลาลตั้งแต่ต้นน้ำ จึงจะช่วยให้ไทยเจาะตลาดชาวมุสลิม ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของโลกได้ง่ายขึ้น และจะกลายเป็นช่องทางสำคัญให้ไทยกลายเป็นเมดิคัลฮับของอาเซียน ช่วยภาคการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโต ช่วยเรื่องการส่งออกสินค้าอาหารตลอดจนช่วยส่งเสริมครัวไทยไปสู่ครัวโลก

ขณะเดียวกันจะให้ สสอป.เป็นหน่วยงานกลาง ทำหน้าที่ประสานและหารือกับจุฬาราชมนตรีและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสินค้าฮาลาลในปัจจุบัน ในการจัดทำมาตรฐานและตราฮาลาลของไทยเอง เพื่อให้ได้มาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ ขณะที่ อย.จะทำหน้าที่ต่อยอดแก่ผู้ประกอบการต้นน้ำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะดำเนินการออกมาตรฐานดังกล่าวเสร็จสิ้นได้เมื่อใดเนื่องจากเพิ่งมีการยุบสภา จึงต้องรอรัฐบาลใหม่มาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการบริการอาหารที่ได้มาตรฐานฮาลาลในสถานพยาบาลนั้น กระทรวงได้นำร่องไปแล้วในโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในอนาคตอาจมีการพิจารณาขยายไปในพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม

สำหรับจำนวนชาวต่างชาติเข้ามารับบริการเชิงสุขภาพในไทย ล่าสุดข้อมูล ณ ปี2555 ระบุว่า มีจำนวน 2.53 ล้านคนประกอบด้วยกลุ่มที่พำนักอยู่ในประเทศไทยและกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใช้บริการในไทย นิยมเข้าใช้บริการในเขตกรุงเทพฯ โดยบริการที่ได้รับความนิยมได้แก่ ศัลยกรรมกระดูก ศัลยกรรมความงาม ผ่าตัดโรคหัวใจ

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่ 25 ธันวาคม 2556