ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.เตรียมระบบรองรับการให้บริการประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพช่วงชัตดาวน์ กทม. 13 ม.ค.นี้ หากเดินทางไปใช้บริการในรพ.ตามสิทธิ์ไม่ได้ ให้ไปใช้บริการที่รพ.รัฐทุกแห่งที่อยู่ใกล้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้าได้ทุกรพ.ที่อยู่ใกล้ รวมถึงกลุ่มผู้ชุมนุม หากเต็นท์พยาบาลที่ชุมนุมรักษาไม่ได้ ส่งต่อรักษาได้ทุกรพ.รัฐ สปสช.ได้ทำหนังสือถึงรพ.ไม่ต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้มาเบิกจ่ายได้ที่สปสช. ส่วนรพ.ที่รับรักษาประชาชนในสิทธิหลักประกันสุขภาพจะได้รับเงินชดเชยคืนแน่นอน ใช้หลักการเดียวกับช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 54

นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯที่จะมีการชัตดาวน์ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ที่อาจจะส่งผลกระทบกับประชาชนในการเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล สปสช.ได้จัดระบบบริการเตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยกรณีที่ประชาชนไม่สามารถเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลได้ตามโรงพยาบาลตามสิทธิ์ที่ขึ้นทะเบียนไว้ สามารถไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐอื่นๆได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และหากเป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินก็เข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชน ในกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมก็เช่นเดียวกัน หากมีอาการเจ็บป่วย เต๊นท์พยาบาลในที่ชุมนุมไม่สามารถให้การรักษาได้ ก็สามารถส่งต่อมารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้ได้ทันที 

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า การจัดระบบบริการรักษาพยาบาลดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน ได้รับความสะดวกในการใช้บริการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย  เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในยามเจ็บป่วยระหว่างที่มีสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง ที่อาจมีการปิดถนน ทำให้มีปัญหาด้านการจราจรและการเดินทางได้ โดยสปสช.ได้ทำหนังสือไปยังสถานพยาบาลทุกแห่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสถานพยาบาลอื่นที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพ  เพื่อเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพในช่วงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยให้จัดบริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเมื่อให้การดูแลรักษาแล้ว สามารถเรียกเก็บค่าบริการตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายกรณีอุบัติและเจ็บป่วยฉุกเฉินได้จาก สปสช.

“ขณะนี้ได้จัดเตรียมระบบพร้อมแล้ว เพื่อรองรับการให้บริการกับประชาชนได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเกิดเหตุสถานการณ์ใดๆ โดยเป็นหลักการเดียวกับการให้บริการในช่วงที่ประเทศไทยเคยประสบกับเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ขณะที่รพ.ที่รับรักษาประชาชนนั้น ให้ดำเนินการตามกระบวนการเบิกจ่ายมาที่สปสช.ตามปกติ ซึ่งหน่วยบริการทุกแห่งจะได้รับการเบิกจ่ายตามอัตราที่กำหนด และจะเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการเบิกจ่ายนี้ให้รวดเร็วเพื่อให้รพ.ได้รับเงินเร็วขึ้น  ขณะที่รพ.นอกสังกัดในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เช่น รพ.เอกชน แต่มีประชาชนที่ประสบเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินไปใช้บริการ ก็ขอให้ดำเนินการรักษาตามกระบวนการ ไม่ต้องเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย และส่งเรื่องเบิกจ่ายมาที่สปสช.ได้  ซึ่งสปสช. ยืนยันและให้ความมั่นใจว่าทุกรพ.จะได้รับเงินชดเชยการรักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินอย่างแน่นอน”นพ.วินัย กล่าว