ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ.เผยผลการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปี 2556 มีผู้มารับบริการร้อยละ 90 พบได้ผลดี มีผู้ป่วยตลอดปี 43,000 ราย ลดลงจากปี 2555 เกือบ 20,000 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต ย้ำปี 2557 จะดำเนินการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แนะประชาชนอย่าโหมงาน โดยเฉพาะการเร่งงานก่อนหยุดฉลองตรุษจีน โอกาสเสี่ยงต่อเชื้อง่าย ขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากมีอาการป่วยให้คาดหน้ากากอนามัย หยุดพักผ่อนที่บ้าน 5 วัน หากยังไม่ดีขึ้นหรือไข้ไม่ลงใน 2 วันให้รีบพบแพทย์

นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงอากาศหนาวเย็นนี้ สภาพอากาศจะแห้ง ความชื้นในอากาศจะลดลง ทำให้ประชาชนเสี่ยงเป็นโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โรคที่มักพบคือไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และโรคนี้ป้องกันได้ด้วยวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ฉีดวัคซีนให้เฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ซึ่งหากป่วยจะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าประชาชนทั่วไป เริ่มตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ในปี 2556 ตั้งเป้าฉีดทั้งหมด 3 ล้าน 4 แสนคน ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่กำจัดสัตว์ปีก 2. กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 3.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป 4.กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี และ5.ผู้ป่วยทุกอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด พบว่ามีผู้มารับบริการร้อยละ 90

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันในกลุ่มเสี่ยง พบว่าแนวโน้มจำนวนการป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง จากป่วย 61,989 ราย เสียชีวิต 4 ราย ในปี 2555 เหลือป่วย 43,047 ราย ไม่มีเสียชีวิตในปี 2556 จากรายงานของสำนักระบาดวิทยาตั้งแต่ 1-19 มกราคม 2557 ทั่วประเทศพบผู้ป่วย 839 รายจาก 58 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต

นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย อีกทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ยังช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจในการรักษาผู้ป่วยได้มูลค่ามหาศาลปีละ 913 – 2,453 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2557 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2557 ต่อไป

ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อกันได้ทางการหายใจ มักระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว สามารถป้องกันได้โดยรักษาร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหมงาน ยิ่งเฉพาะช่วงนี้ใกล้ตรุษจีน สถานประกอบการอาจเร่งงานก่อนหยุดฉลองตรุษจีน การพักผ่อนน้อยจะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อโรคง่ายขึ้น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวเช่นผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน และให้ยึดหลักกินร้อน ใช้ช้อนกลางและล้างมือบ่อยๆ ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ควรหยุดงาน/หยุดเรียน พักอยู่บ้านอย่างน้อย 5 วันจนอาการดีขึ้น และคาดหน้ากากอนามัยล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น

ทั้งนี้ หลังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1-3 วัน จะมีอาการป่วย คือมีไข้สูงแบบฉับพลับ ไอแห้งๆ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อ่อนเพลียมาก มีน้ำมูก คัดจมูก หากเป็นเด็กอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียร่วมด้วย การรักษาโรคนี้จะรักษาตามอาการ เช่น กินยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอ รับประทานอาหารอ่อนๆ หลีกเลี่ยงอากาศเย็น หรือการดื่มน้ำเย็น อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่หากไม่ดีขึ้นใน2 วันหรือมีอาการหอบเหนื่อย ให้รีบพบแพทย์

นายแพทย์โสภณกล่าวต่ออีกว่า สำหรับในสถานประกอบการเช่นโรงงานอุตสาหกรรม ถ้ามีพนักงานป่วย ให้หยุดงานพักอยู่บ้าน ควรทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยในสถานประกอบการ เช่น ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ปุ่มกดลิฟท์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้แสงแดดส่องถึง ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 หรือสำนักงานสาธารณสุขและสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง นายแพทย์โสภณ กล่าว