ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข เผยโรงพยาบาลเกาะช้าง จ.ตราด พัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งเจ็บป่วยฉุกเฉินจากโรคหัวใจขาดเลือด เส้นเลือดในสมอง อุบัติเหตุจมน้ำจากภาวะน้ำดูดได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ครอบคลุมทุกพื้นที่หมู่เกาะ มีการจัดทำบัตรสมาชิกพิเศษและแผนที่บ้านกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เพิ่มความคล่องตัวทีมแพทย์เดินทางถึงบ้านภายใน 10 นาที และการอบรมผู้ป่วย ญาติ และผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวชายหาด ลูกเรือท่องเที่ยว ให้สามารถปฐมพยาบาล ประคับประคองชีวิตเบื้องต้นได้

วันที่ 6 มิถุนายน 2557 ที่ โรงพยาบาลเกาะช้าง จ.ตราด นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะนำสื่อมวลชนดูงานการจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และการพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนบนพื้นที่เกาะช้าง และให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยอย่างกะทันหัน ให้ได้รับความปลอดภัย ลดความพิการแทรกซ้อน หรือเสียชีวิตลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวหรือการลงทุนในประเทศไทยได้ ที่เกาะช้าง จังหวัดตราด มีประชากรประมาณ 5,000 คน เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการัง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหมู่เกาะมีสถานพยาบาลภาครัฐ 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเกาะช้าง เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. 5 แห่ง และคลินิกอินเตอร์ฯของเอกชน 1 แห่ง ให้บริการเฉพาะผู้ป่วยนอก ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยต่อปีมีนักท่องเที่ยวที่เกาะช้างประมาณ 960,000 คน

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาให้โรงพยาบาลเกาะช้าง เป็นสถานพยาบาลหลักในการดูแลสุขภาพประชาชน มีบริการทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย ทั้งในภาวะปกติ และภาวะฉุกเฉิน โดยพัฒนาห้องฉุกเฉินและเครื่องมือแพทย์สอดคล้องกับสภาพปัญหาพื้นที่รวมทั้งเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วยที่ได้มาตรฐานไร้รอยต่อ รวดเร็วเช่นเดียวกับโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ทั่วไป ตามนโยบายการจัดบริการรายเขตบริการสุขภาพ ซึ่งได้เชื่อมต่อบริการของโรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดและระหว่างจังหวัดเป็นเนื้อเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ระบบจะมีความสมบูรณ์แบบในปี 2560 นี้

ทางด้านนายแพทย์ฤชุพงศ์ ผู้ภักดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะช้าง กล่าวว่า ในการพัฒนาบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เน้นหนัก 2 เรื่องที่พบบ่อย คือผู้ป่วยจากโรคประจำตัวกำเริบพบปีละประมาณ 7-10 รายที่สำคัญคือโรคโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและโรคเส้นเลือดในสมองแตกและปัญหาจมน้ำทะเลจากปัญหากระแสน้ำดูดออกหรือที่เรียกว่า ริพ เคอร์เรนท์ (Rip currents) มักเกิดในช่วงฤดูฝนช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งคลื่นน้ำทะเลจะมีความปั่นป่วนสูง แรงน้ำจะพัดตัวคนออกจากฝั่ง ในปี 2556 พบ 43 ราย เสียชีวิต 1 ราย

นายแพทย์ฤชุพงศ์ กล่าวต่อว่า ในการจัดระบบบริการดังกล่าว ในกลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคเส้นเลือดในสมองแตก โรงพยาบาลได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ ให้สามารถสังเกตลักษณะของอาการสำคัญ สัญญาณเตือนของอาการที่ต้องช่วยดูแลเบื้องต้นก่อนโทรแจ้งหน่วยแพทย์กู้ชีพ ทาง 1669 เช่น เจ็บหน้าอก และจัดทำบัตรสมาชิก (EMS MEMBER CLUB) ให้แก่ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง คือผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และโรคเบาหวาน ซึ่งอาจมีอาการกำเริบได้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา

ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนประมาณ 50 ราย สำหรับการใช้บริการ เมื่อญาติผู้ป่วย หรือผู้ดูแล โทรศัพท์แจ้งสายด่วนของโรงพยาบาลฯ เจ้าหน้าที่จะสามารถรู้ประวัติของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแผนที่บ้าน ทีมกู้ชีพสามารถเดินทางถึงบ้านผู้ป่วยภายใน 10 นาที ให้รักษาได้ทันท่วงที รวมทั้งรณรงค์ติดโปสเตอร์วิธีการสังเกตอาการเส้นเลือดสมองแตก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด การช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ หมายเลขโทรฉุกเฉิน 1669 ซึ่งจะติดไว้ในแหล่งชุมชน บ้านผู้ป่วยทุกราย สถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้เด่นชัด

สำหรับการช่วยเหลือคนจมน้ำทะเล ได้วางระบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เทศบาล กองทัพเรือ ทีมกู้กู้ภัยขององค์การบริหารท้องถิ่น อาสาสมัครสมาคมกู้ภัยบุญช่วยเหลือตราด หน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยชายฝั่ง (Beach guard) ซึ่งมีประมาณ 30 คน โรงแรมที่อยู่หน้าหาด โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 5 แห่ง แบ่งพื้นที่รับผิดชอบและระบบการส่งต่อผู้ป่วย กรณีมีผู้ประสบภัยจำนวนมาก ได้กำหนดจุดรวมพลทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลเกาะช้าง และที่คลินิกอินเตอร์ซึ่งเป็นภาคเอกชน ฝึกอบรมการช่วยเหลือคนจมน้ำ การช่วยฟื้นคืนชีพ โดยจะทีมกู้ชีพชั้นสูงที่รพ.เกาะช้าง ทีมกู้ชีพขั้นพื้นฐานที่ โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบให้ครอบคลุมการช่วยเหลือได้รวดเร็ว และมีเรือเจ็ตสกี 3 ลำ พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จำเป็น เช่นเชือก ห่วงยาง ทุนเกาะ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วในการช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำด้วย

นอกจากนี้ยังได้อบรมผู้ประกอบการและลูกเรือเรือท่องเที่ยวที่จะพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังตามเกาะต่างๆประมาณ 40 เกาะ ให้เป็นพี่เลี้ยงสุขภาพประจำเรือ ในการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ช่วยฟื้นคืนชีพคนจมน้ำ และติดโปสเตอร์และซีดี ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพในเรือ 3 ภาษาประกอบด้วยภาษาไทย อังกฤษและรัสเซีย โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมหลังจากลงเรือทุกครั้ง และยังมีบริการตรวจวัดความดันโลหิต ให้นักท่องเที่ยว เพื่อตรวจความพร้อมของร่างกายก่อนลงน้ำ เนื่องจากเคยมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ระหว่างดำน้ำ ซึ่งพบในปีที่ผ่านมา 2 ราย ซึ่งเป็นเรือทัวร์ดำน้ำที่ไม่ได้อยู่ในโครงการ “เที่ยวสนุก สุขภาพดี” (Good trip good health) และฟื้นฟูความรู้ทุก 4 เดือน ระบบนี้สร้างความประทับใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอันมาก ในปี 2556 ที่ผ่านมา ได้ส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตราดโดยรถพยาบาล 208 ครั้ง เรือเร็ว 68 ครั้ง เดินทางโดยรถพยาบาลไปกับเรือเฟอร์รี่ 15 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย อุบัติเหตุที่มีภาวะกระดูกหักหรือมีการบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง ผู้ป่วยที่มีภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น ขณะนี้ได้วางระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ทางอากาศยานโดยเฮลิคอปเตอร์ ร่วมกับกองทัพเรือ หากกรณีจำเป็น ซึ่งมีลานจอดชั่วคราว 7 จุด บนพื้นที่เกาะช้าง