ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และทีมหมอครอบครัวประมาณ 70,000 ทีม และอสม. กว่า 1 ล้านคน ค้นหาและรับรองสิทธิ์หญิงตั้งครรภ์ที่เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิ์โครงการอุดหนุนเงิน 400 บาท และบริการฝากครรภ์ จัดทีมลงเยี่ยมหลังคลอดที่บ้าน หนุนให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และกินต่อเนื่องควบคู่กับอาหารตามวัยถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น        

วันที่ (7 กันยายน 2558) ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ กทม. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่คลอดในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2558 – 30 กันยายน 2559 คนละ 400 บาทต่อเดือน จนเด็กอายุครบ 1 ปีของรัฐบาล ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ร่วมกับทีมหมอครอบครัว และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ค้นหาและแนะนำหญิงตั้งครรภ์ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ได้รับเงินอุดหนุนในโครงการของกระทรวงพัฒนาสังคม ไปรับการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านและลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ ซึ่งอสม. จะเป็นผู้ร่วมรับรองสิทธิคนที่ 1 ในแบบรับรองสถานะของครัวเรือน หรือแบบ ดร.02 ก่อนส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับรอง เพื่อส่งรายชื่อผู้มีสิทธิให้สำนักงานพัฒนาสังคมฯ จังหวัดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะส่งทีมหมอครอบครัวประมาณ 70,000 ทีม และ อสม. ลงเยี่ยมบ้านหญิงหลังคลอดที่อยู่ในโครงการ เพื่อให้คำแนะนำด้านโภชนาการ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และตรวจพัฒนาการเด็กอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้ เป็นมาตรการจูงใจให้พ่อแม่พาเด็กไปรับบริการสุขภาพ จะช่วยให้เด็กได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งการตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีนป้องกันโรค และติดตามพัฒนาการ จึงขอเชิญชวนให้หญิงตั้งครรภ์รับไปฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ และพาบุตรไปรับการตรวจตามนัดที่โรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง 

นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญในการพัฒนาสุขภาพแม่และเด็ก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของการพัฒนาคนให้สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม โดยจัดโครงการฝากครรภ์ได้ทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ์ รณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีปีละประมาณ 8 แสนคน ฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์หรือก่อนอายุครรภ์ 3 เดือน และฝากครบ 5 ครั้งตามนัด เพื่อให้แม่และเด็กได้รับการดูแลครบถ้วน ทั้งสารอาหารที่จำเป็น รวมทั้งรณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน หลังจากนั้นจึงให้กินนมแม่ร่วมกับอาหารอื่นจนถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารของลูกที่ดีที่สุด มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด มีภูมิต้านทานจากแม่ ช่วยร่างกายเติบโต พัฒนาสมอง จอประสาทตา เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายครัวเรือนในการซื้อนมผงเดือนละ 3,000 บาท การโอบกอดของแม่ขณะให้ลูกกินนม ทำให้เกิดความรักความผูกพัน โดยผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าเด็กที่กินนมแม่จะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กิน 5 – 11 จุด