ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปี 59 สธ.ได้รับจัดสรรงบดูแลสิทธิหลักประกันสุขภาพคนไร้สถานะ 626,027 คน 1,279,152,900 บาท เฉลี่ย 2,043.29 บาทต่อคน ส่วนกลุ่มนักเรียนที่รอการพิสูจน์สถานะและสิทธิกว่า 7 หมื่นคน ก.สาธารณสุข เตรียมหารือร่วมกับ ก.ศึกษาธิการ และ ก.มหาดไทย เพื่อได้ข้อมูลชัดเจนก่อนเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติให้สิทธิหลักประกันสุขภาพต่อไป

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มี.ค. 2553 กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขได้ขึ้นทะเบียนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิที่ได้ตรวจสอบความถูกต้องกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย จำนวน 626,027 คน เรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มี.ค. 2553 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดิม จำนวน 465,992 คน และกลุ่มตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 20 เม.ย. 2558 ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ จำนวน 160,035 คน

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นชนกลุ่มน้อย และบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่เกิดหรืออยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว ผ่านการจัดทำทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติและตรวจสอบการอาศัยอยู่จริงในประเทศไทย รวมถึงลูกที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติในการให้บริการสาธารณสุข เนื่องจากไม่สามารถใช้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดเลข 13 หลักและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนไว้ให้ คนเหล่านี้สามารถใช้บัตรประจำตัวแสดงที่โรงพยาบาลเพื่อขอใช้สิทธิได้ทันที เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณปี 2559 จำนวน 1,279,154,708.83 บาทไว้ให้แล้ว เฉลี่ย 2,043.29 บาทต่อคน

ส่วนคนที่ตกหล่นไม่มีชื่อในฐานข้อมูล จะให้หน่วยบริการสาธารณสุขส่งข้อมูลเอกสารมาให้กลุ่มประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบและลงทะเบียนต่อไป แต่หากเป็นบุตรแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติหรือผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติ สามารถซื้อประกันสุขภาพในราคา 365 บาทต่อปี ได้ที่หน่วยบริการสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม กรณีกลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษาที่ไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก จำนวนประมาณ 70,000 คน ทางกระทรวงสาธารณสุขจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ตัวตน ตัวเลข และสถานะในปัจจุบันที่ชัดเจน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอการสนับสนุนในการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขต่อไป.

ที่มา: www.posttoday.com