ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แรงงานโวย พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ ม.44 ตั้งบอร์ดประกันสังคมใหม่ ไม่เป็นธรรม ตัดตอนผู้ประกันตนใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะที่บอร์ดตั้งใหม่ชั่วคราวมีระยะเวลา 2 ปี ชี้การปฏิรูปไม่ใช่แค่ตั้งบอร์ดใหม่เท่านั้น แต่ประกันสังคมต้องเป็นอิสระ บริหารแบบมีส่วนร่วมและเป็นมืออาชีพ จับตาใช้เงินกองทุนผิดวัตถุประสงค์

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2558 ประชาไทรายงานว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคม ที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคม คณะกรรมการการแพทย์ และคณะกรรมการการกองทุนเงินทดแทน แทนคณะกรรมการที่มีอยู่เดิม เป็นเวลา 2 ปี โดยระบุว่าพบปัญหาและข้อขัดข้องในการดำเนินการของระบบประกันสังคมและสำนักงานประกันสังคม ซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน อันส่งผลไปถึงความเสียหายต่อรัฐด้วย จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีการปฏิรูประบบทั้งหมด เพื่อให้มีการดำเนินงานที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตน

วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ให้สัมภาษณ์ประชาไทโดยตั้งคำถามว่าจะเป็นธรรมกับผู้ประกันตนซึ่งเป็นเจ้าของเงินในกองทุนประกันสังคมหรือไม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนในบอร์ดประกันสังคมมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ประกันตนเองก็รอว่าจะได้เลือกตั้งใน เม.ย.ปีหน้า (180 วัน) 

วิไลวรรณ กล่าวว่า การแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งบอร์ดประกันสังคมเป็นการ "ชั่วคราว" 2 ปีนั้น ยาวนานไปหรือไม่ เท่ากับเป็นการขยายระยะเวลาใช้สิทธิของผู้ประกันตนออกไป ทั้งที่นายกฯ เคยบอกเองว่า ต้องเคารพกติกา

วิไลวรรณ ระบุด้วยว่า การแต่งตั้งบอร์ดประกันสังคมขึ้นใหม่ด้วยเหตุผลว่าต้องการปฏิรูประบบนั้นไม่เพียงพอ เพราะการปฏิรูปไม่ใช่แค่การมีคณะกรรมการเท่านั้น ที่ผ่านมา คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยเคยเรียกร้องให้บอร์ดประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระและบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยต้องมีความเป็นมืออาชีพ มีความสามารถในการบริหารจัดการ เพราะกองทุนนี้เทียบเท่าสถาบันการเงิน

เมื่อถามถึงประเด็นที่ควรจับตาสำหรับบอร์ดชุดใหม่ วิไลวรรณ กล่าวว่า มีกรณีที่กองทุนประกันสังคมถูกกล่าวหาว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งถ้ารัฐบาลบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง เธอเองก็อยากเห็นการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป

ที่มา : ประชาไท