ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนในจังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำประเทศ 15 จังหวัด อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ กทม. สุราษฎร์ธานี พระนครศรีอยุธยา ในปี 2559 นี้ตั้งเป้าให้เข้าสู่การรับรองมาตรฐาน เอชเอ 228 แห่ง ชูความเป็นมืออาชีพด้านคุณภาพความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย เป็นผู้นำด้านบริการสุขภาพในเวทีโลก ขณะนี้ไทยมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเอชเอ และเจซีไอ รวม 813 แห่ง มากอันดับ 1 ในอาเซียน

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นพลัสแวนด้าแกรนด์โอเต็ล นนทบุรี นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุม บุคลากร ผู้ประกอบการในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนใน 15 จังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำ ได้แก่ กระบี่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา นนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต ระยอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี จำนวน 250 คน เพื่อส่งเสริมให้พัฒนาคุณภาพสถานพยาบาลตามมาตรฐานเอชเอ (Hospital accreditation: HA) และเอชเอขั้นสูง (Advanced HA) และพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 สร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นพ.บุญเรือง ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น ในปี 2558 มีจำนวน 29 ล้านกว่าคน เพิ่มจากปี 2557 ที่มีประมาณ 25 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกำลังได้รับความนิยมในระดับโลกมีอัตราเติบโตร้อยละ 20 ส่วนในภูมิภาคเอเชียมีร้อยละ 28 สบส.จึงมีนโยบายและกำหนดเป้าหมายพัฒนาโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนในจังหวัดท่องเที่ยวให้ได้ตามมาตรฐานเอชเอหรือเจซีไอ (JCI )ในระดับสากล ที่เน้นหนักด้านคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งเป็นความคาดหวังหลักของประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันประเทศไทยสูงขึ้นทั้งด้านการลงทุนและการท่องเที่ยว

ในปี 2559 นี้ เน้นในโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ 15 จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมที่กล่าวมา ซึ่งมีนักท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 70 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด รวม 228 แห่ง ประกอบด้วยภาคเอกชนขนาด 110 เตียงขึ้นไป 111 แห่ง ภาครัฐ 117 แห่ง จากทั้งหมดที่มี 496 แห่ง โดยจะให้ครบทุกแห่งภายในปี 2561 ที่ผ่านมาไทยมีโรงพยาบาลทั้งรัฐ และเอกชนผ่านการรับรอง 2 มาตรฐานแล้ว 813 แห่ง ได้เอชเอ 761 แห่ง เจซีไอ 52 แห่ง มากเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน 

ในการพัฒนาตามมาตรฐานเอชเอนั้น สบส.ได้ร่วมมือกับสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือสรพ. กำหนดมาตรฐานระบบบริการสุขภาพเพื่อใช้ประเมินคุณภาพของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นระบบเดียวกันทั่วประเทศ มี 4 ด้านหลัก ได้แก่

1.ด้านอาคารและสิ่งแวดล้อม

2.ด้านวิศวกรรมการแพทย์ ได้แก่ เครื่องมือแพทย์ที่ใช้ให้บริการผู้ป่วยทั้งหมด

3.งานสุขศึกษาให้ความรู้การปฏิบัติตัวผู้ป่วยและญาติ

และ 4.ด้านสถานพยาบาล

ซึ่งในปีนี้ได้ทดลองนำมาใช้ในโรงพยาบาลภาครัฐกลุ่มนำร่องและผ่านมาตรฐานแล้ว 613 แห่งทั่วประเทศ เตรียมบรรจุเข้าสู่มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพของ สรพ.ในปี 2561 ทำให้ระบบบริการสุขภาพของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านบริการสุขภาพในเวทีโลกได้

นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้เน้นให้ความสำคัญในเรื่องของสิทธิผู้ป่วยให้ครอบคลุมในทุกมิติ 3 ด้าน คือ

1.คุณภาพการให้บริการ

2.ความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย

และ 3.ระบบการบริหารจัดการองค์กร ให้สถานพยาบาลเกิดความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งการปกป้องสิทธิความปลอดภัยในการรักษา

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปี 59 พบว่าชาวต่างชาติได้เดินทางมารักษาในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเป็นกลุ่มผู้ป่วยในประเทศเพื่อนบ้านคือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV) และจีน จำนวน 12 ล้านกว่าคน เมียนมาร์มากที่สุด รองลงมาคือ จีน