ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย คกก.พัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เห็นชอบและให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีนเอชพีวี) ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ นับเป็นวัคซีนตัวที่ 11 ในรอบ 17 ปี เริ่มดำเนินการปี 2560 ฉีดให้นักเรียนหญิงชั้น ป.5 ประมาณ 4 แสนคนทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2559 ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจาณาโครงการขยายการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีนเอชพีวี) ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ปี 2560 ตามที่กรมควบคุมโรคได้เร่งรัดการผลักดันให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีนเอชพีวี) บรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ เนื่องจากหน่วยบริการจะสามารถใช้วัคซีนได้เฉพาะที่อยู่ภายใต้บัญชียาหลักแห่งชาติ นั้น

ในขณะนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติมีมติเห็นชอบและให้บรรจุวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีนเอชพีวี) ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ทำให้วัคซีนเอชพีวี เป็นวัคซีนตัวที่ 11 ในรอบ 17 ปีทั้งนี้ ประโยชน์สูงสุดจะเกิดแก่ประชาชนในการมีวัคซีนที่ดี มีความปลอดภัยไว้ใช้ป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม

ซึ่งขั้นตอนต่อไป จะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถให้บริการฉีดวัคซีนเอชพีวีได้ ภายในปี 2560 นี้ และจะมีการนำร่องให้บริการวัคซีนเอชพีวีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในกลุ่มเป้าหมาย เป็นเด็กหญิงที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400,000 คนทั่วประเทศ ถือเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการได้รับวัคซีนและสอดคล้องตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก จากเดิมที่ต้องฉีดถึง 3 เข็ม ก็จะเปลี่ยนมาฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือนแทน นอกจากจะเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้แล้ว ยังนับเป็นวัคซีนที่มีความคุ้มทุนกับการนำมาใช้และช่วยให้ทุ่นค่าใช้จ่ายลงได้

นพ.อำนวย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการที่กำหนดชนิดวัคซีนและตารางการให้วัคซีนที่เหมาะสมสำหรับประชากรไทยได้มีมติเห็นชอบ แนะนำให้นำวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (วัคซีนเอชพีวี) มาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยเร็ว เนื่องจากเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง สอดคล้องกับผลการศึกษานำร่องในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ที่พบว่าได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของกลุ่มเป้าหมายในเกณฑ์ดี ไม่มีอาการภายหลังได้รับวัคซีนที่รุนแรง และไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในพื้นที่

ทั้งนี้โรคมะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในหญิงไทย ที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากถึงปีละประมาณ 5,000 รายและมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละกว่า 10,000 ราย การให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่มีการตรวจอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

นอกจากนี้วัคซีนเอชพีวี ยังเป็นวัคซีนที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เตรียมที่จะขยายสิทธิประโยชน์ด้านวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติม โดยได้จัดทำคำของบประมาณปี 2560 เพื่อรองรับการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวี ในสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว