ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บุกจับคลินิกเสริมความงามเถื่อนย่านธนบุรี มาสเตอร์บอนต้า คลินิกโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตเป็นศูนย์ความงามครบวงจร ดูดไขมันลดอ้วน ฉีดโบท็อกซ์ ให้บริการโดยแพทย์ฝีมือระดับอินเตอร์ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเข้ารับบริการดูดไขมันจนเส้นเลือดใหญ่ที่ขาขาดทั้ง 2 ข้าง เกิดอาการช็อคจากเลือดไหลไม่หยุด ตรวจสอบใบอนุญาตทั้งคลินิกและแพทย์พบปลอมทั้งหมด จึงแจ้งดำเนินคดี 5 กระทง ย้ำเตือนประชาชนก่อนใช้บริการให้ตรวจคลินิกแท้และแพทย์จริง ที่เว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และแพทยสภา

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พร้อมด้วย นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดี สบส. และเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย สบส. ร่วมกับพันตำรวจตรีเกียรติคุณ การะเกษร สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงาม (Master Bonta Clinic) ตั้งอยู่ที่ซอยสะพานตากสิน 8 (ซอยแซ่ซิ้ม) แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ใกล้สถานีรถไฟฟ้าโพธิ์นิมิตร เนื่องจากมีการร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊คมือปราบสถานพยาบาลเถื่อนว่ามีการใช้เครื่องมือแพทย์เสริมความงามโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์

นพ.บุญเรือง กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลินิกเสริมความงามแห่งนี้ไม่พบตัวเจ้าของ แต่พบเจ้าหน้าที่ให้บริการ 3 คน หนึ่งในนั้นทำหน้าที่แทนแพทย์เป็นหมอเถื่อน จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 จาก จ.เชียงราย ให้บริการเสริมความงามทั้งดูดไขมัน ขัดผิว ฉีดโบท๊อก ฟิลเลอร์ คลินิกแห่งนี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี โดยมีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐานในการเปิดสถานพยาบาลทั้งหมด และนำภาพบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ไปติดทับใบประกอบโรคศิลปะของแพทย์ตัวจริง จึงถือว่าทั้งคลินิก และหมอไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 

สิ่งที่พบเห็นก็คือมีการใช้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์มาทำหน้าที่ดูดไขมัน และเครื่องมือแพทย์ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งการดูดไขมันลดความอ้วนเช่นที่ขา จะต้องมีการฉีดยาชาเพื่อระงับความเจ็บปวด รวมทั้งมีการผ่าโคนขาสอดอุปกรณ์เข้าไปเพื่อดูดไขมันออกมา ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความอันตราย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ การอุดตันของไขมันในเส้นเลือด จึงต้องกระทำด้วยแพทย์จริงเท่านั้น  

ในวันนี้ปรากฏว่ามีผู้ใช้บริการที่เคยมาดูดไขมันที่ขาทั้ง 2 ข้าง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และมาลดรอยยุบหลังดูดไขมันที่ขาที่คลินิกแห่งนี้อีก บอกว่าการดูดไขมันครั้งที่ผ่านมา เกิดอาการเส้นเลือดใหญ่ที่ขาขาดทั้ง 2 ข้าง จนเลือดไหลไม่หยุด มีอาการช็อคต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล จึงนับว่าเป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้ใช้บริการในคลินิกที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับผลการตรวจสอบคลินิกแห่งนี้ พบเวชระเบียนผู้ใช้บริการกว่า 60 ราย พร้อมเวชภัณฑ์ที่ใช้เสริมความงามจำนวนมากที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เช่น โบท๊อก ฟิลเลอร์ ยาชาชนิดฉีด ยาแก้อักเสบ เครื่องดูดไขมัน รวมทั้งชุดสวมกระชับหลังดูดไขมัน ไขมันที่ดูดจากผู้รับบริการเก็บในตู้แช่แข็งอีกประมาณ 6 ถุง และยังพบว่ามีผู้รับบริการทยอยเดินทางมาตามนัดเพื่อดูดไขมัน เสริมความงาม จากการสอบถามพบว่าทุกคนไม่ทราบมาก่อนว่าคลินิกแห่งนี้เป็นคลินิกเถื่อน เพราะมีการโฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊คว่ามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และแพทย์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงของไทย จึงหลงเชื่อมาใช้บริการ โดยมีอัตราค่าดูดไขมันต่อรายไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท

นพ.บุญเรือง กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเจ้าของคลินิกแห่งนี้ 5 กระทง ได้แก่ ได้แก่ 

1) เปิดคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

2) ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525มีโทษจำคุกไม่เกิน3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

3) จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

4) จำหน่ายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

และ 5) ปลอมแปลงเอกสารราชการมีความผิดตามกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5ปี ปรับตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท

นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้ช่วยอธิบดี สบส. ได้กล่าวฝากเตือนประชาชนว่าปัจจุบันมีคลินิกที่ลักลอบเปิดบริการเสริมความงามจำนวนมาก จึงขอให้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่คลินิกจะต้องแสดงตามกฎหมาย ดังนี้ 

1) แสดงใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ และอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย

2) ติดป้ายชื่อ ประเภทและลักษณะการให้บริการ รวมทั้งเลขที่ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการจำนวน 11 หลัก ที่ด้านหน้าสถานพยาบาล

และ 3) ติดป้ายชื่อพร้อมรูปถ่าย เลขที่ใบอนุญาตของแพทย์ที่ทำการรักษา ที่หน้าห้องตรวจ-รักษา

โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสถานพยาบาล และแพทย์ที่ทำการรักษาว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่ ที่เว็บไซต์ สบส. (www.hss.moph.go.th) และเว็บไซต์ของแพทยสภา (www.tmc.or.th)  

หากมีข้อสงสัยหรือพบคลินิกเถื่อน หมอเถื่อนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เฟซบุ๊คมือปราบสถานพยาบาลเถื่อน, เฟซบุ๊คสารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์ และสายด่วน สบส.02-193-7999 ตลอด 24 ชั่วโมง