ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานชมรม ผอ รพ.สต. เผย หลังนำ “ทีมนำ รพ.สต.” ชนะเลือกตั้งยกชุด เตรีมประชุมนัดแรก 27 ธ.ค. นี้ เสนอเลือก “ไพศาล บางชวด” เป็น “นายกสภาฯ คนแรก” และตั้ง 2 อุปนายกสภาฯ เดินหน้า 5 นโยบายตามที่หาเสียงไว้ นำนักสาธารณสุขทั่วประเทศเป็นผู้ประกอบวิชาชีพโดยเร็ว พร้อมห่วงปัญหางบประมาณ เหตุยังไม่ได้รับสนับสนุนจาก สธ.ตามกฎหมาย

นายสมศักดิ์ จึงตระกูล

นายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ประเทศไทย) ในฐานะแกนนำ “ทีมนำ รพ.สต.” กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน โดยทางทีมนำ รพ.สต. ได้รับเลือกตั้งยกทีม 12 คน โดยตาม พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน พ.ศ.2556 เบื้องต้นกำหนดให้กรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งประชุมร่วมกันนัดแรก เพื่อเลือกตั้งนายกสภาการสาธารณสุขชุมชน และอุปนายกสภาการสาธารณสุขชุมชนคนที่ 1 และคนที่ 2 ภายใน 30 วัน

ที่ผ่านมาได้ประสานไปยัง นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรักษาการนายกสภาการสาธารณสุขชุมชนในชุดเฉพาะกาลตามกฎหมายแล้วเพื่อจัดประชุมนี้ โดยกำหนดให้มีการประชุมกันในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ สำหรับในการประชุมในวันนั้น จะมีการเสนอให้นายไพศาล บางชวด อดีตนายกสมาคมวิชาชีพสาธารณสุข เป็นนายกสภาการสาธารณสุขชุมชน ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน คนแรก โดยเป็นไปตามที่ทีมนำ รพ.สต.ได้หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อวิชาชีพสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ผลักดันได้มาซึ่ง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนฉบับนี้ที่ได้บังคับใช้มาในช่วง 3 ปี ที่ยังประโยชน์ต่อวิชาชีพสาธารณสุขทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่มีศักยภาพและมีความเป็นผู้นำสูง ทั้งยังเป็นอดีตหมออนามัยที่เข้าใจบทบาทเนื้อแท้ของวิชาชีพสาธารณสุขอย่างแท้จริง

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินงานของคณะกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนจากนี้ จะมีการเดินหน้าตามนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้ โดยเฉพาะการนำนักสาธารณสุขทั่วประเทศให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการเร่งขึ้นทะเบียนผู้สมัครสอบวิชาชีพให้แล้วเสร็จภายใน 3-6 เดือน เพื่อจัดกระบวนการสอบในรุ่นที่ 1 ก่อน ขณะเดียวกันยังต้องเร่งจัดวางโครงสร้างสำนักงานสภาการสาธารณสุขชุมชน โดยให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการในชุดต่างๆ เพื่อดำเนินงานต่างๆ ของสภาการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งจะต้องมีการรายงานผลให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับทราบและพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ในการดำเนินงานจากนี้ ยังมีสิ่งที่เป็นห่วงคือในเรื่องงบประมาณของสภาการสาธารณสุขชุมชนเพื่อใช้ในการดำเนินการต่างๆ เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้เหลือจำนวนไม่มาก ที่ผ่านมาสภาการสาธารณสุขชุมชนยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุขตาม พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข ในหมวดรายได้ ทั้งที่ควรได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ปี 2557 โดยทางคณะกรรมการฯ คงต้องติดตามว่ามีการติดขัดในส่วนไหน เพื่อให้มีงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการจัดการและบริการไป ซึ่งคงต้องประสานกับคณะกรรมการฯ ชุดเฉพาะกาลก่อนหน้านี้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการบริหารสภาการสาธารณสุขชุมชน ทางคณะกรรมการจะดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ 5 ด้าน ดังนี้

1. ด้านโครงสร้างองค์กร อาทิ แต่งตั้งกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชน การจัดวางระบบโครงสร้างสำนักงานเลขาธิการสภาการสาธารณสุขชุมชน การตั้งคณะอนุกรรมการสภาการสาธารณสุขชุมชนชุดต่างๆ ได้แก่ อนุกรรมการจรรยาบรรณ อนุกรรมการสอบสวน อนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ อนุกรรมการรับรองหลักสูตร อนุกรรมการสอบขึ้น เป็นต้น และการจัดวางระบบและแผนการบริหารกิจการสภาการสาธารณสุขชุมชน

2.ด้านมาตรฐานวิชาชีพ เกื้อกูลนักสาธารณสุขผู้มีประสบการณ์สู่การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เช่น อายุงานราชการ การจบปริญญาทางสาธารณสุขศาสตร์ ฯลฯ อบรม และพัฒนานักสาธารณสุข สู่การเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน (Training on the Job) และสอบขึ้นทะเบียน และออกใบอนุญาตให้นักสาธารณสุข เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ภายใน 1 ปี

3.ด้านจรรยาบรรณ และจริยธรรมแห่งวิชาชีพ อบรมและพัฒนานักสาธารณสุข ด้านจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ส่งเสริมเกื้อกูลวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน สู่การกำหนดมาตรฐานกำหนดตำแหน่งใหม่ "นักสาธารณสุข"

4.ด้านคุ้มครองสิทธิประชาชน และสมาชิก ใน 3 มาตรการ

มาตรการที่หนึ่ง

ออกมาตรฐานวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ตามนิยาม และขอบเขตวิชาชีพ

ออกมาตรฐานจรรยาบรรณ และจริยธรรมแห่งวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน

เร่งรัดพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาของสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตด้านสาธารณสุขศาสตร์

วางแนวทางพัฒนาทักษะและความรู้ต่อยอดวิชาชีพเชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญเฉพาะ

เร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน

เตรียมความพร้อมวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนสู่ประชาคมอาเซียน

มาตรการที่สอง

เร่งรัดจัดทำมาตรฐานกำหนดตำแหน่งใหม่ให้สอดคล้องตามมาตรฐานวิชาชีพ

กำหนดชื่อเรียกวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เป็น "นักสาธารณสุข"

เสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อการกำหนดอัตราเงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนวิชาชีพ แก่นักสาธารณสุข

มาตรการที่สาม

สนับสนุนดูแลสิทธิประโยชน์ และความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ รวมถึงการประกอบวิชาชีพที่มั่นคงของสมาชิกอย่างมีศักดิ์ศรีทัดเทียมทุกวิชาชีพ

กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับกำลังคนด้านสาธารณสุขที่เป็นธรรมอย่างเหมาะสม

กำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจ ค่าตอบแทนวิชาชีพ เงิน พ.ต.ส. หรือเงินอื่น สิทธิอันพึงได้เหมาะสมทัดเทียมทุกวิชาชีพ

5.ด้านกองทุนสวัสดิการ จัดตั้งกองทุนสวัสดิการ เพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิก และผู้ประกอบวิชาชีพ