ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นักวิชาการสาธารณสุขแจง ทุกวิชาชีพขึ้นเป็น ผอ.รพ.สต.ได้ แต่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเป็นนักวิชาการสาธารณสุขระดับชำนาญการพิเศษ พ้อระเบียบเปิดให้เป็นชำนาญการพิเศษตั้งแต่ปี 55 แต่ปัจจุบันยังให้แค่จังหวัดละ 1 คน แนะจัดสรรตำแหน่งชำนาญการพิเศษ ให้กับทุกวิชาชีพอย่างทัดเทียมเป็นธรรม

นายริซกี สาร๊ะ

นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการชมรมนักวิชาการสาธารณสุข (ประเทศไทย) เลขาธิการสมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่าพยาบาลวิชาชีพถูกกีดกันขึ้นตำแหน่งผู้อำนวยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (ผอ.รพ.สต.) นั้น ขอชี้แจงว่า ตามระเบียบ ก.พ.ที่ นร 10008.3.3/105 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2555 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งและเงื่อนไข การกำหนดตำแหน่งระดับสูงขึ้นเฉพาะกรณีในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น ในหลักเกณฑ์ ข้อ 2.3 ได้กำหนดตำแหน่ง ผอ.รพ.สต.ให้กำหนดตำแหน่งเป็น นักวิชาการสาธารณสุขระดับชำนาญการพิเศษ แต่ปัจจุบันยังให้ชำนาญการพิเศษแค่จังหวัดละ 1 คน ดังนั้นใครที่ต้องการเป็น ผอ.รพ.สต. ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเป็นนักวิชาการสาธารณสุข แต่ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข จะได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าพยาบาล เพราะยังไม่มีค่าตอบแทนต่างๆ เช่น ค่าตำแหน่ง ค่า พตส. จึงทำให้พยาบาลส่วนหนึ่งไม่ต้องการเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นนักวิชาการสาธารณสุข

“จะเห็นว่าจากเงื่อนไขดังกล่าว จึงไม่ใช่การกีดกันพยาบาลขึ้นเป็น ผอ.รพ.สต.แต่อย่างใด ทั้งนี้ปัจจุบันนี้มีบุคลากรจากหลายวิชาชีพที่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งเป็นนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ หรือเชี่ยวชาญ จนได้ตำแหน่งระดับสูงในจังหวัด เช่น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หรือตำแหน่งอื่นๆ ในกรม กอง ของกระทรวงสาธารณสุข”

นายริซกี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนเพิ่งจัดระดมความคิดเห็นสภาสาธารณสุขชุมชนสัญจร 4 ภาค และมีความเห็นตรงกันว่า ควรมีการขอกำหนดตำแหน่งใหม่ให้สอดคล้องกับการเป็นวิชาชีพเฉพาะน้องใหม่ด้านสุขภาพ ส่วนคนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ หรือวิชาชีพอื่นๆ ที่เปลี่ยนตำแหน่งมา ก็ยังคงใช้ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขได้เช่นเดิม และจากการที่ยังมีความเหลื่อมล้ำสูงมากในกระทรวงสาธารณสุข จึงขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ควรจัดสรรตำแหน่งชำนาญการพิเศษ ให้กับทุกวิชาชีพอย่างทัดเทียมเป็นธรรม โดยเฉพาะ ผอ.รพ.สต.ที่มีหลักเกณฑ์ครบตามตามระเบียบ ก.พ.ที่ นร 10008.3.3/105 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2555 ให้สอดคล้องกับโครงสร้างหน่วยงานสาธารณสุขส่วนภูมิภาคใหม่ และสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ระบบบริการปฐมภูมิ 4.0 (พ.ศ. 2560 -2579) ที่ในเนื้อหาให้ความสำคัญกับทุกวิชาชีพอย่างทัดเทียมเป็นธรรม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานดูแลสุขภาพประชาชน