ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” เผยแท็กซี่ไทยติดเชื้อภายในประเทศรายแรกรักษาหายแล้ว อีกหลายรายสัญญาณดี รอคิวหมออนุญาตกลับบ้าน ส่วนเคสผู้ป่วยวิกฤตป่วยวัณโรคร่วม แพทย์ให้การรักษาตามอาการ ยังทรง ๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พร้อมติดตามคนในบ้าน 4 ราย ระวังทั้งวัณโรค-ไวรัสโคโรนา ด้าน แท็กซี่รอดตาย น้ำตาไหลขอบคุณทีมแพทย์ พร้อมวอนเพื่อนคนขับรถสาธารณะสวมหน้ากากอนามัย ส่งใจถึงชาวจีนให้สู้

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 เวลา 12.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ สะสม 25 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 1 รายเป็นคนขับแท็กซี่ที่ติดเชื้อภายในประเทศรายแรก ที่รับนักท่องเที่ยวชาวจีน สรุปตอนนี้เราให้การรักษาผู้ป่วยหายแล้ว 9 ราย เหลือรักษาตัวใน รพ. 16 ราย ทุกรายอาการดีขึ้น ตามลำดับ มีแนวโน้มหายในเวลาไม่นาน รอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) เป็นลบจึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนรายที่อาการวิกฤตนั้นอาการยังทรงตัวทีมแพทย์ให้การดูแลใกล้ชิด

สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. - 4 ก.พ.สะสม 549 ราย กลับบ้านได้แล้ว 124 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาใน รพ. 425 ราย โดยเฉพาะวันที่ 4 ก.พ.มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ 57 ราย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนเยอะ ทั้งนี้ได้รับการแจ้งจากองค์การเภสัชกรรมและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่าขณะนี้หน้ากากอยามัยมีเพียงพอแค่อย่ากักตุนไว้เพื่อให้ทุกคนได้มีหน้ากากอนามัยใช้อย่างทั่วถึง

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่สายการบินไทยไลออนแอร์จะไปรับตัวกลับนั้น เนื่องจากไม่ใช่เมืองอู่ฮั่น ดังนั้นการคัดกรองก็เป็นไปตามระบบการเฝ้าระวังโรค คือผ่านการตรวจคัดกรองที่สนามบินตามปกติ ดูเป็นรายบุคคล ให้ใครต้องสงสัยเฝ้าระวังโรคก็เข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังฯ ต่อไป

ด้าน นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า ปกติสายการบินมีการบินไปยัง 15 เมืองของจีน รวม 25 เส้นทาง ดังนั้น จึงยินดีนำคนไทยที่ตกค้างอยู่ตามเมืองต่าง ๆ กลับมายังประเทศไทยฟรี เงื่อนไขคือเป็นคนไทยถือพาสปอร์ตไทย แจ้งล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เดิมเราบอกว่าจะมีการรับกลับระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ.นี้ แต่ตอนนี้จะขยายเพิ่มไปอีก 1 สัปดาห์หน้า หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งที่เว็บไซต์ของสายการบิน เบื้องต้นตอนนี้มีคนไทยแจ้งความประสงค์ขอเดินทางกลับประมาณ 10 คน

ด้าน นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยวิกฤตที่รักษาอยู่ที่สถาบันบำราศขณะนี้ เป็นชายไทยอายุ 70 ปี ขับรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะนี้อาการทรง ๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ก็อาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ป่วยเป็นวัณโรค และเป็นไวรัสโคโรนาร่วมด้วยทำให้การรักษาค่อนข้างซับซ้อน ขณะนี้ให้การรักษาตามอาการไม่ได้มีการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวี กับยาโอเซลล์ทรามิเวียร์แต่อย่างใด ตอนนี้มีการติดตามไปที่ครอบครัวของผู้ป่วยรายนี้แล้ว 4 ราย โดยติดตามทั้งโรควัณโรค และเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้ววัณโรคน่ากลัวกว่าไวรัสฯ อีก

พญ.อนุตรา รัตน์นราทร แพทย์อายุรกรรมโรคปอด สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า สำหรับแท็กซี่รายแรกที่มีการติดรายแรกภายในประเทศ ที่รักษาหายแล้วนั้น เป็นชายไทยอายุ 50 ปี รับนักท่องเที่ยวชาวจีน แล้วรู้สึกผิดปกติ มีไข้ ไอมาก จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.ตามสิทธิ ผลตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงมีการส่งต่อมายังสถาบันบำราศวันที่ 28 ม.ค. มีไข้ต่ำ และมีความกังวล แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิดเพราะตอนนั้นยังไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ แล้วมีการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ทั้งนี้หลังจากให้การรักษาตามอาการแล้ว 2-3 วัน คนไข้อาการดีขึ้น จนกระทั่งตรวจไม่พบเชื้อ 31 ม.ค. ตอนนี้หายดีแล้ว

ด้านคนขับแท็กซี่ที่รักษาหายแล้ว กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอ ว่า ขอบคุณแพทย์ พยาบาลที่รักษาตนจนหายป่วย ตอนนี้รู้สึกแข็งแรงมากวิ่งรอบกระทรวงสาธารณสุขยังได้ เป็นโอกาสที่ดีเหมือนมาฟิตร่างกาย ความรู้สึกวันแรกน้ำตาไหล เพราะไม่คิดว่าเราจะป่วย เพราะเราทำงานเลี้ยงครอบครัว พอติดเชื้อความรู้สึกวันแรกก็ได้ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ให้กำลังใจ โทรมาหาทุกวัน บอกอย่าเครียด ให้ทำใจสบาย ถ้ากินได้นอนหลับ ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน ท่านรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ก็มาเยี่ยมเพราะเป็นห่วง

ทั้งนี้ อยากฝากเพื่อนแท็กซี่ และคนขับรถสาธารณะ ที่มีการคลุกคลีกับนักท่องเที่ยว วอนให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเอง ไม่ใช่หาเงินอย่างเดียว แต่พอมีอะไรเกิดขึ้นมา รายได้หดหายเหมือนกับตน ถ้าไม่หายครอบครัวจะแย่ อย่างไรก็ตาม ของตนดีที่ครอบครัวไม่ติด เพราะทุกครั้งที่คนในบ้านป่วย โดยเฉพาะไข้หวัดจะแยกของใช้กัน รับประทานอาหารต้องใช้ช้อนกลาง ครอบครัวเลยไม่มีใครติด เพื่อไม่ให้ครอบครัวเราเป็นส่วนแพร่เชื้อสู่ภายนอก ที่ตนป่วยไม่ออกไปคุยกับคนนอกบ้านเลย เพื่อไม่ให้ใครมาโทษเราว่าเป็นตัวแพร่เชื้อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ แต่ก็ไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับนักท่องเที่ยว หรือชาวจีนแต่อย่างใด เพราะก็เหมือนพี่น้องครอบครัวเดียวกันทั่วโลก การที่ตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่ อู่ข้าวอู่น้ำก็คือนักท่องเที่ยว จึงไม่มีความรู้สึกแย่อะไร ตนดูข่าวในห้องแยกโรค ก็ส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวจีนที่เมืองอู่ฮั่นทุกวันว่าให้สู้ ๆ เพราะขนาดตนยังสู้จนหายได้

“วอนเพื่อน ๆ ที่ขับรถสาธารณะ โดยเฉพาะแท็กซี่ซึ่งเป็นด่านแรกที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยว ท่านอย่าลืม อยู่บนรถติดไฟแดงบางครั้งเป็นชั่วโมง 10 นาที 20 นาที แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าของเราคนนั้นปลอดเชื้อหรือไม่ แต่ถ้าดูแล้วเขาไม่ปลอดภัยให้ส่งหน้ากากอนามัยให้เขาเลย ส่วนตัวเราเองขอวิงวอนเลยว่าใส่หน้ากากอนามัยเถอะ จับพวงมาลัยเมื่อไหร่ ให้ใส่หน้ากากอนามัยเลย เราจะได้มีความรู้สึกดี” คนขับแท็กซี่กล่าวทั้งน้ำตา พร้อมวิงวอนภาครัฐให้พิจารณาดูแลคนขับรถสาธารณะที่ต้องหยุดงานเพราะเรื่องนี้จะมีการชดเชยการขาดรายได้