ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” สั่ง สธ. เข้ม “ด่านบก-เรือ-อากาศ” รองรับผู้โดยสารเรือสำราญ Westerdam ต่อเครื่องในไทย สธ.จ่อ ยกระดับคัดกรองไวรัสโคโรนา 19 เข้มคนเดินทางจากสิงคโปร์ – ฮ่องกง หลังพบจำนวนคนติดเชื้อในประเทศก้าวกระโดด พร้อมสั่ง 6 จังหวัดเสี่ยง จับตา “ปอดบวมไม่ทราบสาเหตุ” ต้องนำเขาระบบเฝ้าวังด้วย จับมือ วช. ผุดแบบคัดกรองออนไลน์ 3 ภาษา

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาคงที่อยู่ที่ 33 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่มอีก 1 ราย รวมกลับบ้านแล้ว 12 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 21 ราย อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรง 2 รายอาการยังคงที่แพทย์ให้การดูแลใกล้ชิด ขณะที่คนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น อยู่อาคารรับรองสัตหีบ 137 ราย 9 วันแล้ว อาการปกติ ขณะที่ 1 ราย ที่ติดเชื้ออยู่ห้องแยกโรค ตอนนี้ผลตรวจเป็นลบ รอผลแล็บยืนยันอีกครั้งก็จะให้กลับบ้าน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค สะสมตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-12 ก.พ. อยู่ที่ 823 ราย

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับเรือสำราญ Westerdam ที่ไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา นั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้สั่งให้เตรียมวางแผนรองรับ โดยประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำชับให้เจ้าหน้าที่ด่านทุกช่องทางเข้าออก ทั้งบก เรือ อากาศ เตรียมการกรณีผู้โดยสารจากเรือดังกล่าวมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย ตามมาตรการคัดกรองผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยจะขอแผนการเดินทางเพื่อวางมาตรการคัดกรองต่อไป เช่น มาทางเครื่องบิน แต่ไม่ถึงขั้นต้องมีการแยกเกตเพื่อคัดกรองแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าทางกัมพูชาก็มีการคัดกรองผู้โดยสารมาระดับหนึ่งแล้ว ส่วนด่านทางบกนั้นเบื้องต้นไม่น่าจะเข้ามาช่องทางนี้มาก แต่ก็ดูแลเต็มที่ นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนในการดูแลคนไทยที่อยู่บนเรือทั้ง 21 คน ด้วย

ขณะที่ เรือท่องเที่ยว “Seabourn Ovation” ที่เข้ามาจอดที่ท่าเรือภูเก็ตนั้น เป็นการแจ้งเข้ามาตามเส้นทางปกติ เพื่อพักในระยะสั้นๆ ประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ขึ้นไปประเมินสุขอนามัยบนเรือ ตรวจสอบข้อมูลสุขภาพของผู้โดยสารและลูกเรือ ร่วมกับแพทย์ประจำเรือ ผลการตรวจไม่มีผู้มีอาการเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค ซึ่งก่อนลงมาจากเรือแพทย์ประจำเรือจะวัดไข้ซ้ำอีกครั้ง และเมื่อลงจากเรือแล้วจะมีทีมแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและกองทัพเรือวัดไข้ซ้ำอีกครั้ง ตามมาตรฐานสากล ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะผู้โดยสารกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ป่วย

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 19 อีกครั้ง โดยสั่งการให้เพิ่มการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากไวรัสโดยไม่ทราบสาเหตุทุกรายใน 6 จังหวัดเสี่ยงคือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ และภูเก็ต ด้วย ส่วนผู้ป่วยอาการน้อยจะนำเกณฑ์การคัดกรองไข้หวัดใหญ่ มาใช้กับไวรัสโคโรนา 19 ด้วย

ทั้งนี้นอกจากนสถานการณ์การระบาดของจีนเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ก็ยังมีอีก 2 ประเทศที่สถานการณ์ก้าวกระโดด พบจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นคือ สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้เข้า รพ.จำนวนหนึ่ง และไม่ได้ถูกรายงานตัวเลขเข้าระบบ เพราะฉะนั้นตัวเลขทางการออกมาจะต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ เราจึงต้องคำนวณต่อด้วยว่าจะมีตัวเลขผู้ที่ไม่ได้เข้าระบบอีกจำนวนเท่าไหร่ ดังนั้นไทยจะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และคาดว่าจะมีการประกาศยกระดับมาตรการคุมเข้มการตรวจคัดกรองไวรัสโคโรนา 19 จากผู้ที่เดินทางมาจาก 2 ประเทศนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้เมื่อเทียบสถานการณ์กับไทยแล้ว 2 ประเทศนี้ไปไกลกว่าไทยเยอะ

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยอมรับว่าไวรัสโคโรนา 19 มีโอกาสสูงที่จะแพร่ระบาดออกไปอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทุกคนบนโลกทั่วโลก ทุกประเทศต้องช่วยเหลือกัน เช่นเรื่องการคัดกรองคนก่อนเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อได้ แม้จะไม่เป็นศูนย์ก็ตาม ส่วนไทยเองก็ต้องเซตระบบของตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องการคัดกรองคนออกนอกประเทศนั้น ตอนนี้ไทยดำเนินการคัดกรอง วัดไข้ผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศจีนให้ เนื่องจากทางการจีนร้องขอให้ทำ ส่วนการเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ไม่ได้ดำเนินการ เราจะทำต่อเมื่อมีการระบาด แต่ตอนนี้ยังไม่มีการระบาดทั่วไปในไทย

เมื่อถามว่าหากไทยประกาศยกระดับเฝ้าระวังผู้เดินทางมาจากฮ่องกงและสิงคโปร์จะต้องแยกเกตคัดกรองเหมือนมาตรการที่ทำกับผู้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าว่า ต้องพิจารณาเป็นพื้นที่ เช่นที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนนี้มีการตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าไทยได้ทุกคนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปตรวจวัดอุณหภูมิที่หน้าประตูเครื่องบิน แต่ถ้าสนามบินไหนยังวัดไม่ได้ครอบคลุมเราต้องไปคัดกรองตั้งแต่ตั้งแต่ประตูเครื่องบินเลย ส่วนไทยจะขอให้ทางการสิงคโปร์ และฮ่องกงคัดกรองผู้เดินทางก่อนเข้ามายังประเทศไทยหรือไม่นั้น คิดว่า 2 พื้นที่คงจะเซตระบบการคัดกรองคนออกนอกประเทศ แต่หากไม่ทำ ไทยมีสิทธิที่จะขอให้ดำเนินการได้ตามกฎหมาย

ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดทำแบบคัดกรองตนเองออนไลน์ สำหรับผู้ต้องสงสัยที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 19 เป็น 3 ภาษาได้แก่ ภาษาไทย จีน อังกฤษ โดยใช้หลักเกณฑ์การคัดกรองโรคของกระทรวง อาทิ มีไข้ อาการ การเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ เมื่อประเมินแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม พร้อมให้คำแนะนำ คือ 1.ไม่มีความเสี่ยง จะให้คำแนะนำการปฏิบัติตัว กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ 2.มีความเสี่ยง ขอให้แยกตัวจากคนอื่น เฝ้าสังเกตตัวเอง และพบแพทย์ และ 3. กลุ่มเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนา19 ให้มาพบแพทย์โดยเร็ว และสวมหน้ากากอนามัยด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถทำแบบสอบถามได้ที่ http://sescimande.net/Self-Screening/