ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ยื่นหนังสือขอ สปสช.บรรจุยาต้านไวรัสเอชไอวี ยาต้านไวรัสตับอักเสบซีและยารักษาวัณโรคเพิ่มเติมในชุดสิทธิประโยชน์

วันที่ 3 ก.พ. 2563 นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อขอให้พิจารณาบรรจุยาเพิ่มเติมในสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทยระบุว่าจากการทำงานร่วมกับองค์กรภาคีพบว่ามียาจำเป็นที่ต้องใช้เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นและถูกระบุไว้ในแนวทางการรักษาเอชไอวี วัณโรค และไวรัสตับอักเสบซีของประเทศแล้ว แต่ยังไม่มีในชุดสิทธิประโยชน์ โดยมีรายการดังต่อไปนี้

1.TLD ยาต้านไวรัสเอชไอวีสูตรผสมรวมเม็ดคือ Dolutegravir (DTG) / Lamivudine / Tenofovir เพื่อใช้ทั้งเป็นสูตรพื้นฐานสำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีปัญหาดื้อยาและใช้ได้กับผู้ที่มีปัญหาดื้อยา เนื่องจาก DTG เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง กดเชื้อเอชไอวีได้เร็ว ดื้อยายาก ผลข้างเคียงต่ำ ทั้งนี้เป็นไปตามแนวทางการรักษาด้วยยาต้านไวรัสของนานาประเทศ และองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ยาที่ DTG เป็นส่วนประกอบเป็นยาหลักในสูตรพื้นฐาน

2.Sofosbuvir/Velpatasvir ยาต้านไวรัสตับอักเสบซีที่รักษาได้ทุกสายพันธุ์ เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาได้ทุกสายพันธุ์ ลดขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย ประหยัดงบประมาณค่าตรวจสายพันธุ์และทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ทั่วถึงมากขึ้น ทั้งนี้ ในสิทธิประโยชน์ปัจจุบัน ยาที่รักษาไวรัสตับอักเสบซีสายพันธุ์ที่ 3 ยังใช้ยา Sofosbuvir ร่วมกับยา Pegylated Interferon และ ยา Ribavirine ซึ่งมีผลข้างเคียงจากการรักษาที่รุนแรง

3.Rifapantine เพื่อใช้ร่วมกับยา Isoniazid (INH) ในการรักษาวัณโรคระยะแฝง (Latent TB) ซึ่งหากใช้ยา INH ตัวเดียว มีระยะเวลารักษา 6-9 เดือน แต่ถ้าใช้ร่วมกัน 2 ชนิด ใช้ระยะเวลารักษาเพียง 1 เดือน การลดระยะเวลาการรักษาสั้นลงจะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเผชิญกับอาการข้างเคียงจากการใช้ยาเป็นเวลานาน และส่งผลให้การกินยาต่อเนื่อง ลดอัตราการป่วยวัณโรค

4.Bedaquiline และ Delaminid ยารักษาวัณโรคที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยา Rifampicin ได้ และใช้กรณีวัณโรคเชื้อดื้อยา เพื่อให้มียาทางเลือกในการรักษามากขึ้นและลดอัตราการเสียชีวิตจากวัณโรคลง

เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย จึงขอเสนอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เร่งนำยาเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อจะได้บรรจุเป็นชุดสิทธิประโยชน์และจัดหายาที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบบริการต่อไป เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน