ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.ยกระดับการเฝ้าระวังประเทศเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการแล้ว เพราะมีจำนวนผู้ป่วยก้าวกระโดด ระบุเลี่ยงได้ขอให้เลี่ยงการเดินทางไปเกาหลีใต้ เผยผู้ป่วยโควิด-19 หายเพิ่มอีก 2 ราย ไม่มีป่วยเพิ่ม ส่วนที่โคมาก็มีสัญญาณดี ยืนการติดต่อผ่านไอ จาม ขอร่วมด้วยช่วยกันหยุดการแพร่เชื้อ แต่พร้อมวางระบบรับมือระยะ 3 เต็มที่

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงข่าวความคืบหน้าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ว่า จำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ ในไทยยังคงที่ 35 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 2 ราย รวมรักษาหายแล้ว 19 ราย เหลือรักษาใน รพ. 16 ราย ส่วน 2 คนที่อาการรุนแรงนั้น ในรายที่ใส่เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดนั้นยังอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่อาการดีขึ้นตามลำดับ อาการหลายอย่างชี้ชัดว่าน่าจะดีขึ้น ส่วนรายที่ป่วยวัณโรคร่วมด้วยอาการยังทรงตัว

สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 20 ก.พ.มี 1,151 ราย กลับบ้านแล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 941 ราย ยังอยู่ใน รพ. 210 ราย ทั้งนี้เฉพาะวันที่ 20 ก.พ. มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่ม 99 คน ที่เพิ่มมากเพราะขยายการคัดกรองครอบคลุมโรคปอดอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่ต้องขยายมายังกลุ่มนี้ด้วย ก็เพื่อให้แน่ใจว่าการที่ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มตอนนี้เพราะไม่มีผู้ป่วยจริง ๆ หรือเป็นเพราะเราหาไม่เจอกันแน่ ซึ่งพบผู้ป่วยปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 27 ราย

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยกระดับการเฝ้าระวังประเทศเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการแล้ว เพราะมีจำนวนผู้ป่วยก้าวกระโดด ถ้าไม่นับการพบผู้ป่วยบนเรือสำราญ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ดังนั้นตอนนี้ที่ไทยเฝ้าระวังอยู่จะมีจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง มาเก๊า และไชนีสไทเป อย่างไรก็ตามเราไม่ห้ามการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง แต่ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็น หากจำเป็นจริง ๆ ก็ขอให้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ พกเจลล้างมือด้วย หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน หลีกเลี่ยงคนไอจาม

สำหรับข้อสงสัยเรื่องวิธีการแพร่เชื้อซึ่งมีสื่อจีนรายงานว่าแพร่เชื้อด้วยวิธี Aerosol นั้น ขอชี้แจงว่าในทางการแพทย์จะนิยามการระบาด 2 แบบคือ 1. Droplets หรือละอองฝอยจากการพูด ไอ จาม 2. Air Borne คือเป็นละอองฝอยขนาดเล็ก แพร่ทางอากาศ ทั้งนี้ยืนยันว่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพร่เชื้อผ่านทางละอองฝอยจากการพูด ไอ จาม ไม่ใช่การแพร่ทางอากาศ การป้องกันก็คือสวมหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลางล้างมือ

สถานการณ์ในประเทศไทยยังนิ่ง ความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น แต่เรามีตัวอย่าง 3 ประเทศในเอเชียที่มีผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงของไทยจึงยังมีอยู่จากนักท่องเที่ยว แต่เราคัดกรองอย่างเข้มข้นก่อนขึ้นเครื่อง ประกาศบนเครื่อง ลงเครื่องก็ต้องคัดกรอง ถ้าเข้ามาในประเทศได้ก็ติดตามอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เราต้องทำคือการยืดระยะเวลาการแพร่ระบาดในระยะที่ 2 หรือวงจำกัดนี้ออกไปให้นานที่สุดเพื่อให้มีเวลาในการเตรียมบุคลากร สถานพยาบาล และอุปกรณ์เพื่อรองรับการระบาดในวงกว้างที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จำนวนผู้ป่วยจะต้องไม่มากเกินกว่าศักยภาพของ รพ.ที่จะรับได้

เมื่อถามว่า รพ.ของไทยค่อนข้างแออัด หากอนาคตมีการระบาดในวงกว้างจะต้องปรับเรื่องสถานพยาบาลใหม่หรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า จะมีการบูรณาการทุกภาคส่วน ในรับจังหวัด ระดับเขต โดยนำเอาเตียงว่าง ห้องแยกโรค บุคลากร ในจังหวัด ในเขตมารวมกัน แล้วดูแลในพื้นที่ หรือหากจำเป็นต้องปรับ รพ.แห่งใดแห่งหนึ่งเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาฯ เฉพาะเลยนั้น รพ.อีกแห่งในพื้นที่จังหวัด หรือเขตจะต้องมาสนับสนุนงานอื่น ๆ งานเดิมของ รพ.แห่งนี้แทนด้วย ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รพ.สังกัดกองทัพก็จะเข้ามาให้การช่วยเหลือตรงนี้ด้วย

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ เราจะพร้อม ส่วนจะรับได้แค่ไหน จะแพร่กระจายหรือไม่ อยู่ที่เราว่าจะชะลอระยะที่ 2 ได้นานแค่ไหน คนไทยตระหนกหรือไม่ หรือถ้าคนไทยร่วมมือกัน ถ้าเราทำได้อย่างนั้นจริงเราจะรับมือได้ แต่ถ้าทุกอย่างวุ่นวาย สับสน ไม่มีใครฟังใคร เชื่อแต่ข่าวลือก็ทำให้การทำงานยากขึ้น สิ่งสำคัญในการแพร่กระจายวงกว้างอำนาจอยู่ที่คนป่วย เพราะเป็นคนที่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ เราจึงขอร้องหากมีไข้ ไอ จาม ขอให้อยู่กับบ้าน พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ ป้องกันตัวเองไม่ให้แพร่เชื้อสู่คนในบ้านซึ่งเป็นคนที่คุณรักทั้งนั้น หากไม่ไหวให้มาพบแพทย์โดยสวมหน้ากากอนามัยด้วย จะช่วยเหลือประเทศได้มาก หากรู้ตัวว่าติดเชื้อขอให้ตั้งสติ และระลึกเสมอว่าโรคต้องหยุดที่เรา เราต้องไม่แพร่สู่คนอื่น ขอให้ช่วยกันคนละม้ายคนละมือเพื่อให้ประเทศก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปให้ได้