ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานชมรมอสม.เห็นด้วย ให้อสม.อบรม Caregiver (CG) ขับเคลื่อนนโยบายชีวาภิบาล พร้อมดัน "ค่าป่วยการ-อบรมพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการ" ให้เป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อให้อสม.มีกำลังใจในการทำงานและปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู  โดยได้กำชับการดำเนินงานแก่ผู้บริหารสธ.ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ในประเด็นต่างๆ เช่น ค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 2,000 บาท , สนับสนุนให้ อสม. ไปอบรมผ่านหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ หรือ Caregiver (CG) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายชีวาภิบาล และ ขับเคลื่อน อสม.ไรเดอร์ เพื่อส่งยา ให้ผู้ป่วย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ อ่านข่าว นายกฯ ติดตามนโยบายสาธารณสุข ด้าน “ชลน่าน” กำชับ สธ.เดินหน้าโครงการจัดของขวัญปีใหม่คนไทย

เร็วๆนี้ นายจำรัส คำรอด ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)แห่งประเทศไทย และ น.ส.วิลัยวัลย์ ธงสันเทียะ ประธานชมรมอสม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประธานชมรมอสม.จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์กับ Hfocus ในประเด็นดังกล่าวดังนี้ 

นายจำรัส กล่าวว่า  มองว่าถ้าเกิดมีหลักสูตรนี้ให้อสม.ไปอบรมนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันคือการเพิ่มและพัฒนาศักยภาพในการทำงานของพี่น้องอสม.ทั่วประเทศเพื่อให้สามารถดูแลประชาชนในชุมชนของตนเองได้เป็นอย่างดี เป็นเหมือนกับการเพิ่มพูนความรู้ในเรื่องของวิชาการด้วย มองว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ส่วนในเรื่องขับเคลื่อน อสม.ไรเดอร์ ในการส่งยาผู้ป่วยนั้น ขณะนี้มีบางจังหวัดได้มีการนำอสม.ไปอบรมในเรื่องของการส่งยาตามผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่บางจังหวัดได้ริเริ่มขึ้นมาและปฏิบัติแล้วแต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นรูปธรรมทั่วประเทศ

เพราะฉะนั้นในการที่จะขับเคลื่อน อสม.ไรเดอร์ เพื่อส่งยาให้ผู้ป่วย ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมแต่ละบุคคลด้วยว่ามีความพร้อมหรือทำงานได้อย่างเต็มที่หรือไม่อย่างไร..แต่ถ้าหากมีการผลักดันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น มั่นใจว่า อสม.บางส่วนมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนในเรื่องนี้อยู่แล้ว

สำหรับเรื่องของขวัญปีใหม่ที่มอบให้กับอสม. เล็งเห็นว่าถ้าเป็นเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถให้อสม.มาทำงานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะปัจจุบันอสม.เองก็ทำงานหนักกันพอสมควรอยู่แล้ว ทั้งองค์กรแต่ละองค์กรก็หันมาใช้งานอสม.เพิ่มมากขึ้น

"แต่ที่สำคัญเพื่อให้เป็นของขวัญปีใหม่นั้น อยากให้รัฐบาลหรือรัฐมนตรีช่วยกระตุ้นเรื่องค่าป่วยการให้เร็วขึ้นและชัดเจนมากขึ้น เพื่อพี่น้องอสม.มีกำลังใจในการทำงานและปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่" 

ด้านน.ส.วิลัยวัลย์ กล่าวว่า จริงๆแล้วเรื่องการอบรม Caregiver (CG) นี้มีเป้าหมายอยู่แล้ว ซึ่งมีการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเพื่อไปอบรมอยู่แล้ว  ถ้าหากมีงบประมาณในการอบรมในเรื่องนี้จะมีประโยชน์อย่างมาก  เนื่องจากการอบรมนั้น อสม.จะเทียบเท่าได้กับเจ้าหน้าที่รพ.สต.ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนสาย การล้างแผลกดทับ เป็นต้น ฉะนั้นถ้าขับเคลื่อนโครงการได้จริงซึ่งเรามีทุนเดิมอยู่แล้วส่วนหนึ่ง จะสามารถพัฒนาศักยภาพให้กับพี่น้องอสม.ได้เป็น Caregiver (CG) ทั้งหมดจะเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะว่าสังคมไทยเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไม่ติดเตียงก็เหมือนติดเตียงเพราะอ่อนแรงลง ฉะนั้นจะต้องได้รับการดูแลจาก Caregiver (CG) 

สำหรับกรณีอสม.อายุเยอะอาจจะมีผลในการอบรมในการสื่อสารด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ในเขตพื้นที่ด่านขุนทด เราจะมีกติกา คือ การผันอสม.ผู้สูงอายุมาเป็นที่ปรึกษา และ เป็นอสม.ผู้ทรงคุณวุฒิ จากนั้นจะให้ลูกหลานที่พอมีความรู้และคล่องแคล่วในการดูแลชุมชนเข้ามาแทน โดยเราใช้คำว่า ยุตติบทบาทอสม.ลง แต่มีเงื่อนไขว่า คนที่รับหน้าที่แทนจะต้องเป็นบุตรหลานของตนเองหรือคนในชุมชนยอมรับเท่านั้น และเป็นคนที่สามารถประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหมู่บ้านนั้นได้นั่นเอง

"สำหรับของขวัญปีใหม่ในปี 67 นี้ คิดว่าความต้องการของพี่น้องอสม.สิ่งที่เราต้องการนั่นคือ "เรื่องของการพัฒนาด้านวิชาการ ขอเน้นย้ำว่าด้านวิชาการ" เพราะปัจจุบันการพัฒนาด้านวิชาการของอสม.จะแผ่วลง เพราะส่วนมากพี่น้องอสม.เรียนรู้ในการปฎิบัติในพื้นที่จริงมากกว่า ซึ่งบางทีโรคอุบัติใหม่รวมถึงสาเหตุการเกิดโรคอุบัติใหม่และปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่ อสม.เองไม่ได้รู้ข้อมูลทั้งหมด และไม่สามารถอธิบายให้กับชุมชนเข้าใจได้ เราจึงอยากให้เติมเต็มทางด้านวิชาการ รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณเพื่อมาพัฒนาศักยภาพพี่น้องอสม.เราบ้าง ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่มีเรื่องพวกนี้เลย"

ดังนั้นอยากให้ทางส่วนกลางหรือกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงระดับผู้บริหาร สนับสนุนงบประมาณลงไปที่เขตหรือจังหวัดเพื่อจะส่งต่อไปทางอำเภอในการพัฒนาศักยภาพอสม.บ้าง เพื่ออสม.จะนำความรู้ที่ได้มาไปส่งต่อคนดูแล รวมถึงได้รู้ข้อเท็จจริง เพื่อนำไปเสนอแนะ บอกเล่ากับคนในพื้นที่ตามหลังคาเรือนที่รับผิดชอบได้ 

น.ส.วิลัยวัลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สุดท้ายเรื่องที่ทุกคนคาดหวังนั่นคือ เรื่องค่าป่วยการที่อสม.จะได้รับ ตนในฐานะประธานชมรมอสม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถามว่าถ้าได้มันดีไหมมันดี.... แต่เกิดความกังวลว่าจะเกิดความเหลื่อมล้ำองค์อสม.กับองค์กรอื่นมากจนเกินไป เพราะจะถูกมองว่าเมื่อได้รับการดูแลจากรัฐบาลซึ่งองค์กรอื่นอาจจะยังไม่มี ฉะนั้นเราจะทำตัวลำบากเพราะจะเป็นเป้าของสังคม จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องอยากได้การอบรมพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการเป็นของขวัญปีใหม่ก่อน "ดังนั้น ถ้าหากเรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น การที่ อสม.จะได้รับค่าป่วยกัน 2,000 บาท นั้น ถือว่าสมเหตุสมผล ที่เราจะได้รับ"