ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เริ่มแล้ว 1 เม.ย. ความร่วมมือ สปสช. - สปสช. “บูรณาการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการ” Kick Off ที่ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) รุกตรวจสุขภาพให้พนักงานร่วม 500 คน เข้าถึงสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ระบบบัตรทอง 24 รายการ และระบบ สปส. 14 รายการ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน “Kick Off บูรณาการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการ” ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานประกันสังคม (สปส.) และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยมี นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วย นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตลอดจนผู้บริหาร บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และนายอดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา ประธานบริษัทดูโฮม จำกัด ร่วมงาน ณ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สปส. และ สปสช. ครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นอันดีเพื่อดูแลคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มวัยแรงงานในสถานประกอบการให้ได้รับสิทธิบริการสาธารณสุขตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ที่ครอบคลุมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ช่วยลดความซ้ำซ้อนของชุดบริการตรวจสุขภาพประจำปีของทั้ง 2 หน่วยงาน ทำให้การบริหารจัดการงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับบริการตรวจสุขภาพที่ครอบคลุมตามชุดสิทธิประโยชน์ทุกรายการตามที่ 2 หน่วยงานกำหนดไว้ และยังสามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการเดียวกันได้ โดยเริ่มต้นจัดบริการตั้งแต่วันนี้ (1 เม.ย. 67) นี้ เป็นต้นไป

 ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการรับบริการตรวจสุขภาพ ผู้ประกันตนต้องไปที่สถานพยาบาลช่วงเวลาทำการเท่านั้น ทำให้เป็นอุปสรรค ไม่สะดวก ต้องลาหรือหยุดงาน ดังนั้นการจัดบริการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการจึงช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนได้มาก และในกรณีที่ผลการตรวจสุขภาพพบความผิดปกติ จะได้เข้าสู่ระบบการรักษาอย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้ความร่วมมือ และที่ผ่านมาสถานพยาบาลที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สปส. และ สปสช. พอเพียงที่จะให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว 

 พร้อมกันนี้ สปสช. อยู่ระหว่างประสานกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อบูรณาการสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในแนวทางเดียวกันนี้ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการ ขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณสร้างเสริมสุขภาพฯ ภาพรวมระดับประเทศด้วย

   

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปส. ได้ทำการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการการแพทย์ของ สปส. โดยเพิ่มสิทธิบริการตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตน 14 รายการ อาทิ บริการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง FIT TEST บริการตรวจวัดความดันของเหลวภายในลูกตา รวมถึงบริการถ่ายภาพรังสีทรวงอก พร้อมปรับจำนวนการรับบริการให้เหมาะสมกับช่วงอายุ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงทางสุขภาพให้กับผู้ประกันตนเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี อันนำไปสู่การลดค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาล ลดอัตราการลางาน ลดอัตรารวมถึงการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือเสียชีวิตให้กับผู้ประกันตน

 “ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งต่างเล็งเห็นความสำคัญสุขภาพของแรงงานในสถานประกอบการ และวันนี้เป็นการ Kick Off ที่ บริษัท ดูโฮม ที่มีจำนวนพนักงานกว่า 500 คน นับเป็นความร่วมมือที่ดี เพื่อร่วมผลักดันให้เกิดบริการเชิงรุกดูแลสุขภาพแรงงานในสถานประกอบการ ภายใต้สิทธิประโยชน์ระบบประกันสังคมและระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ” รมว.กระทรวงแรงงาน กล่าว   

นายบุญสงค์ กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของ สปส. คือการดูแลสุขภาพให้กับแรงงาน การให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามชุดสิทธิประโยชน์ของ สปส. และ สปสช. ในสถานประกอบการนั้น ปัจจุบันมีสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 213 แห่ง เป็นสถานพยาบาลรัฐ 165 แห่ง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซด์สำนักงานประกันสังคมได้ (www.Sso.go.th) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

 นพ.จเด็จ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2566 สปส. และ สปสช. ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือการบูรณาการจัดระบบบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกันตนมุ่งเน้นการป้องกันสุขภาพที่ถาวรมากกว่าการรักษา ลดค่าใช้จ่ายภาพรวมด้านสาธารณสุขไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน นอกจากนี้ยังเป็นการบูรณาการหน่วยบริการ จากเดิมที่เคยขึ้นทะเบียนแยกกันของทั้งสองหน่วยงานให้เป็นหน่วยบริการภายใต้ระบบเดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกันตนเข้ารับบริการในหน่วยบริการเพียงแห่งเดียว แต่ได้รับบริการที่ครอบคลุมตามรายการสิทธิประโยชน์ทุกรายการที่ 2 หน่วยงานกำหนด 

 สำหรับวันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมการบูรณาการตรวจสุขภาพเชิงรุกในสถานประกอบการตามความร่วมมือข้างต้นนี้ กำหนดให้เริ่มในวันที่ 1 เม.ย. นี้เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเชื่อมโยงระบบข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน Digital Platform ธนาคารกรุงไทย เพื่อสนับสนุนระบบบริการทางการแพทย์ให้แก่หน่วยบริการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน โดยที่บริการเชิงรุกที่ บริษัทดูโฮม ในวันนี้ เป็นการจัดบริการโดยโรงพยาบาลปทุมธานี

 “การบูรณาการนี้ทำให้เกิดความชัดเจนในบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งผู้ประกันตนก็คือคนไทยสิทธิพื้นฐานในระบบบัตรทองมีอะไรก็จะได้รับบริการด้วย ซึ่งบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ในระบบบัตรทองมี 24 รายการ และส่วนของประกันสังคมมีเพิ่มเติมอีก 14 รายการ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว