ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

นักวิจัยเผยโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันเอดส์คืบ เตรียมศึกษาการตอบสนองภูมิคุ้มกัน 28 ม.ค.2556 เผยขณะนี้มีการทดลองใช้ห่วงต้านเชื้อไวรัสสำหรับผู้หญิง เริ่มทดลองแล้วในต่างประเทศ

ศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการทดสอบวัคซีนทางคลินิก กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มมีผู้ติดเชื้อ  HIV รายแรกก็ได้มีความพยายามพัฒนาแนวทางการรักษาและการป้องกันการติดเชื้อ โดยในช่วง 28 ปีที่ผ่านมามีความก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันการติดเชื้อซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การขลิบอวัยวะเพศชาย การรับวัคซีน การรับประทานยาต้านไวรัส ล่าสุดคือการพัฒนาห่วงเคลือบสารต้านไวรัส  HIV สำหรับผู้หญิง ซึ่งพบว่าสามารถลดอัตราการติดเชื้อได้ถึง 28% และขณะนี้ได้มีการทดลองประสิทธิภาพเพิ่มเติมในกลุ่มตัวอย่าง 5,000 คน จากประเทศแอฟริกา รวันดา อูกันดา ซิมบับเว เป็นต้น

"ในประเทศไทย ปัญหาโรคเอดส์เหมือนจะไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่ที่จริงกลับพบว่ามีปัญหาในกลุ่มวัยรุ่น แม้กระทั่งในอเมริกาเองก็มีปัญหาแบบเดียวกัน จึงได้มีการศึกษาเรื่องห่วงเคลือบสารต้านไวรัส  HIV" ศ.พญ.พรรณีกล่าว และว่า ห่วงเคลือบสารต้านไวรัส  HIV เป็นการพัฒนามาจากห่วงป้องกันการมีบุตร โดยจะมีการใส่และเปลี่ยนในทุกๆ 1 เดือน

ศ.พญ.พรรณีกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม อะไรที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคน จึงยากที่จะสามารถควบคุมได้ ดังนั้น การพัฒนาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ  HIV จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้โครงการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ ที่ทำในประเทศไทยมีความคืบหน้าไปมาก จากการวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 3 หรือ อาร์วี 144 ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ไม่ติดเชื้อ จำนวน 16,000 คน และได้ข้อสรุปเมื่อปี2552 ว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพสามารถลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ HIV ได้ 31.2% ดังนั้นจึงมีการศึกษาต่อเนื่องในโครงการอาร์วี305 โดยการให้วัคซีนกระตุ้นในอาสาสมัครกลุ่มเดิมที่ได้รับวัคซีนครบและไม่ติดเชื้อ จำนวน 165 ราย จำนวน 2 ครั้งห่างกัน 6 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการฉีดวัคซีนและติดตามผล

นอกจากนี้ยังได้ต่อยอดเป็นโครงการ อาร์วี 306 เพื่อศึกษาลักษณะการตอบสนองของภูมิคุ้มกันดั้งเดิมและภูมิคุ้มกันจำเพาะ ในสารคัดหลั่งจากเยื่อบุปากมดลูกและน้ำอสุจิ ซึ่งโครงการนี้ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล โดยจะสามารถเริ่มโครงการได้ในวันที่ 28 ม.ค.2556 ทั้งนี้ คาดว่าทั้งโครงการอาร์วี 305 และอาร์วี 306 จะสามารถสรุปผลได้ในปี 2559

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555