ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ไม่กล้ารับผู้ประกันตน หวั่น สปส.จ่ายเงินไม่ครบ

นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่าขณะนี้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไม่กล้าลงนามร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อรักษาผู้ประกันตน เนื่องจากไม่มั่นใจระบบใหม่ที่ สปส.กำหนดขึ้น เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะได้หรือเสียประโยชน์ สำหรับระบบใหม่ที่ สปส.กำหนดคือให้โรงพยาบาลตติยภูมิที่ให้การรักษาผู้ประกันตนเป็นผู้ทำเรื่องเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจาก สปส.เอง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สปส.มีเกณฑ์ให้เบิกจ่ายตามกลุ่มโรคร้ายแรง (ดีอาร์จี) ที่ค่าความสัมพัทธ์ของโรค (RW) ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป อยู่ที่ 1.5 หมื่นบาทแต่ปัจจุบัน สปส.จ่ายเพียง1.15 หมื่นบาทเท่านั้น

"หากระบบมีความชัดเจนมากกว่านี้ก็พร้อมจะเซ็นสัญญาใช้ระบบใหม่ทันที" นพ.ธันย์ กล่าว

นพ.กำพล พลัสสินทร์ ประธานชมรมโรงพยาบาลเพื่อการพัฒนาระบบประกันสังคม กล่าวว่า สาเหตุที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไม่เซ็นสัญญา เนื่องจากต้องเป็นผู้เบิกจ่ายเงินกับ สปส.เอง ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเบิกได้หรือไม่

"หากเป็นเช่นนี้อาจกระทบต่อผู้ประกันตน เพราะโรงพยาบาลต้นสังกัดไม่สามารถส่งผู้ป่วยต่อไปยังโรงพยาบาลในระดับสูงกว่าได้" นพ.กำพล กล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ด สปส. ยืนยันว่า ปี 2555 มีโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลเครือข่ายของ สปส. 87 แห่งในจำนวนนี้มี 77 แห่ง ที่ได้ทำสัญญากับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง และโรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ในการส่งต่อผู้ป่วยไปเข้ารับการรักษาเรียบร้อยแล้ว

วันเดียวกัน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สธ.มีแผนในการลดความเหลื่อมล้ำและจัดแผนพัฒนาระบบเพื่อบริการประชาชนโดยจะใช้โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป 98 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญ 10 โรคสาขา รวมทั้งพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแต่ละเครือข่ายให้สามารถผ่าตัดและรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางได้มากขึ้น

ทั้งนี้ จะนำระบบไอทีเชื่อมโยงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งในปี 2556 และลดค่าเดินทางผู้ป่วยและญาติให้ได้ 10% ลดความรุนแรงของโรคเบาหวาน ความดันโลหิต ให้ได้ 50% โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิต เข้ามารักษาที่ รพ.สต.มากกว่า 50% และหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรกไม่น้อยกว่า 60%

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 12 มกราคม 2556