ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ในอดีต อภ.เคยผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน แต่ต้องหยุดการผลิตไปเนื่องจากเทคโนโลยีค่อนข้างเก่า แต่ภายหลังจากที่มีการระบาดของโรคคอตีบในประเทศไทย ทำให้ต้องกลับมาทบทวนการผลิตอีกครั้ง ขณะนี้มีโครงการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากบริษัทเอกชน ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันภายในเร็ว ๆ นี้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตจากเดิมผลิตเป็นวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เป็นวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และไวรัสตับอักเสบบีในเข็มเดียว วัคซีนดังกล่าวปลอดภัยกว่า อีกทั้งลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ทั้งนี้เมื่อวัคซีนได้รับการขึ้นทะเบียน และสามารถเดินเครื่องการผลิตได้ก็จะหยุดการนำเข้าทันที

นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า ตามปกติทั้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวในเด็กแรกเกิดอยู่แล้ว ประมาณ 8 แสนคน ที่ผ่านมาเป็นการนำเข้าวัคซีนเพื่อใช้ในสถานการณ์ปกติปีละประมาณ 4-5 ล้านโดส แต่ในปี 2556 เนื่องจากพบการระบาดของโรคคอตีบในประเทศไทยจึงต้องนำเข้าทั้งหมด 13 ล้านโดส คิดเป็นเงินประมาณ 80 ล้านบาท โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย 1 ล้านโดส ประเทศอินเดีย 10 ล้านโดส และวัคซีนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ อีก 2 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมดกำลังทยอยนำเข้ามา

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 มกราคม 2556