ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ไร้สาเหตุการขึ้นเบี้ยประกัน ธุรกิจยังทากาไรได้อยู่ เลขาฯคปภ.ยันไม่ปรับขึ้นเบี้ยประกันชีวิต แม้โรงพยาบาลจะเพิ่มค่ารักษา ชี้ต้องใช้เวลาศึกษาอีก 1 - 2 ปี  พร้อมยันประกันวินาศภัยและ ประกันภัยรถยนต์ไม่ปรับขึ้น ส่วนกองทุนประกันภัยพิบัติได้กำไรเพิ่ม 300 ล้านบาท รับประชาชนยังรู้น้อยเตรียมประชาสัมพันธ์เพิ่ม

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า กรณีที่ประชุมคณะรัฐมตรี มีมติอนุมัติให้ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลของรัฐ ปรับเพิ่มค่าบริการรักษาพยาบาล มาตรฐานกลาง 8 รายการเช่น ค่าผ่าตัด ไอ.ซี.ยู.ตามค่าจ้าง และเงินเดือนขั้นต่ำ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าสินไหมทดแทน การประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นทันที 6-8% เชื่อว่าจะยังไม่กระทบต่อการบริการและธุรกิจประกันชีวิต รวมไปถึงประกันสุขภาพ

นายประเวช ยืนยันว่า อัตราเบี้ยประกันยังคงเดิม และการจ่ายสินไหมทดแทนก็ยังคงอยู่ในระดับเดิม เนื่องการปรับเบี้ยประกันชีวิตจะต้องรอการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 1 - 2 ปี ขึ้นไป จึงจะสามารถปรับเบี้ยขึ้นประกันค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งได้คุยกับสมาคมประกันชีวิตแล้วได้รับคำยืนยันว่า ผู้ที่ทำประกันสุขภาพจะยังได้รับการรักษาในอัตราเท่าเดิมตามที่ทำสัญญาไว้กับบริษัทประกัน และ คปภ. ยังไม่มีการอนุญาตให้ธุรกิจประกันภัย ปรับเพิ่มบี้ยประกันที่จัดเก็บจากประชาชนแต่อย่างใด ด้านการประกันวินาศภัยก็ยังไม่มีการเพิ่มเบี้ยประกันแน่นอน รวมไปถึงเบี้ยประกันรถยนต์ก็ไม่มีการเพิ่มเบี้ยประกันแต่อย่างใด แม้จะมีความเป็นห่วงว่ารถยนต์จากโครงการรถยนต์คันแรกทางบริษัทประกันภัยจะเพิ่มเบี้ยประกันนั้น ขอให้สบายใจได้ว่า เบี้ยประกันวินาศภัยจะไม่มีการเพิ้มขึ้นแน่อน เนื่องจากไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การขึ้นเบี้ยประกันจะต้องไปเป็นตามหลักกติกาที่มีอยู่

นายประเวช ยังกล่าวถึงกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ซึ่งตั่งขึ้นภายหลังน้ำท่วมครั่งใหญ่ เมื่อปี 2554 เพื่อช่วยเหลือธุรกิจประกันให้มีความมั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและธุรกิจประกันภัยทั่วโลก แต่ปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่แทบไม่ทราบว่า มีการตั่งกองทุนประกันภัยพิบัติว่า ที่จริงกองทุนทำธุรกิจกับบริษัทประกันภัยโดยตรงหรืออยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ทำธุรกิจกับประชาชนโดยตรง แต่สามารถทำให้ธุรกิจประกันภัยกลับสู่ภาวะปกติได้  หลังจากเกิดความไม่เชื่อมั่นช่วงเกิดวิกฤติ น้ำท่วมใหญ่ ทำให้ธุรกิจต่างๆและประชาชนประสบความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งต่อไป

กองทุนจะต้องทำประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่า ที่ธุรกิจประกันภัยและเบี้ยประกันฯยังคงเดิมได้ เพราะมีกองทุนเป็นผู้ดำเนินการอยู่เบื้องหลัง

"หลังจากจากออกพ.ร.ก.กองทุนส่งเสริม การประกันภัยพิบัติ และมีเงินทุนจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ปรากฏว่า กองทุนฯ ยังไม่ได้ใช้เงินดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว และทุกๆอย่างเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยก็กลับเข้าที่เข้าทางใหม่ แถมกองทุนได้กำไรอีก 300 ล้านบาท จากเบี้ยประกันธุรกิจประกันภัยจ่ายให้ ถือว่าการดำเนินงานของกองทุนฯประสบผลสำเร็จแล้ว ชาวบ้านไม่เดือดร้อน กองทุนฯก็ไม่ขาดทุน 5 หมื่นล้านก็ยังอยู่ ทำให้ธุรกิจประกันมีความแข็งแรง แม้มีเรื่องขึ้นค่ารักษาพยาบาลเขายืนยันก็เก็บเบี้ยเท่าเดิม มีปริมาณรถเพิ่มขึ้นเบี้ยก็เท่าเดิม ซึ่งผมยืนยันได้ว่า เบี้ยประกันภัยประกันชีวิตทุกแบบไม่มีการขึ้นเบี้ยประกัน"นายประเวชกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 31 มกราคม 2556